บางครั้งอาการผิดปกติอย่างอ่อนแรงคล้ายจะเป็นลม เวียนศีรษะ ตัวซีดผิวเย็น อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะ ความดันต่ำ เกิดจากกระแสแรงดันเลือดที่สูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นไม่เพียงพอ โดยมาจากปัจจัยต่าง ๆ ALLWELL จึงขอพาท่านผู้อ่าน ไปรู้จักกับภาวะความดันต่ำ หนึ่งในอาการความดันที่คุณควรตรวจเช็ก เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายบางอย่างก็เป็นได้ค่ะ
สารบัญ
รู้หรือไม่?! ทางการแพทย์ไม่จัดให้อาการความดันต่ำเป็น “โรค” แต่จัดเป็น “ภาวะ” เนื่องจากความดันต่ำมักเป็นอาการเฉียบพลัน ที่ไม่สามารถพัฒนาไปเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ เหมือนความดันสูง
ความดันต่ำ เกิดจากอะไร?
ความดันต่ำ (Hypotension) คือ ภาวะที่ความดันของกระแสเลือดในหลอดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ หรือค่าความดันเลือดต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอท (ความดันปกติ คือไม่เกิน 120/80 มิลลิเมตรปรอท) อันเนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ พบได้ทั้งชายและหญิงทุกช่วงอายุ แต่พบมากในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคร้ายแรงบางชนิด
ความดันต่ำ อันตรายไหม? ต่ำเท่าไหร่ถึงเรียกว่าอันตราย?
หากถามว่า ความดันต่ำ อันตรายไหม? ต้องบอกว่า โดยปกติความดันต่ำเป็นภาวะที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง แต่ก็ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ไม่ดีหรือไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน หมดสติ ร่างกายขาดออกซิเจน หรือเข้าสู่ภาวะช็อก และอันตรายถึงชีวิตกับผู้ป่วยโรคร้ายแรงหรือผู้ป่วยวิกฤติได้
ซึ่งความดันต่ำที่อันตราย คือค่าความดันที่ต่ำกว่า 60/40 มิลลิเมตรปรอท อยู่ในระดับที่ควรพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและแนวทางแก้ไข ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน อ่อนแรง เบลอ เป็นลม ฯลฯ แต่ถ้าหากความดันต่ำกว่า 50/33 มิลลิเมตรปรอท จะอยู่ในขั้นวิกฤติ ต้องรีบได้รับการรักษาจากแพทย์โดยทันที เพราะผู้ป่วยจะมีอาการโคม่า และเสี่ยงเสียชีวิตได้
ระดับความดัน | ค่าตัวบน (Systolic) | ค่าตัวล่าง (Diastolic) |
ความดันปกติ | ไม่เกิน 120 mmHg | ไม่เกิน 80 mmHg |
ความดันต่ำ | 90 mmHg | 60 mmHg |
ความดันต่ำมาก | 60 mmHg | 40 mmHg |
ความดันต่ำวิกฤต | ≤ 50 mmHg | ≤ 33 mmHg |
(ข้อมูลจาก ensocure / probaway)
สาเหตุของอาการความดันต่ำ
- ขาดสารอาหารบางชนิด เช่น โปรตีน วิตามินซี ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแดงไม่แข็งแรง จนเกิดการคลายตัวมากเกินไป
- ภาวะขาดน้ำ ทำให้เลือดไหลเวียนและกลับเข้าสู่หัวใจได้น้อย ซึ่งส่งผลให้หัวใจเต้นบีบตัวน้อยลง จนเกิดภาวะความดันในเลือดต่ำ
- การไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานาน และมีการเปลี่ยนท่านั่งหรือท่ายืนอย่างกะทันหัน หลังจากนอนนาน ๆ
- ภาวะเลือดจาง ส่งผลให้ความเข้มข้นของเลือดน้อยลง จนนำไปสู่ความดันในหลอดเลือดต่ำ
- มีการกระตุ้นสมองและวงจรประสาทอัตโนมัติ ทำให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานผิดปกติ ความดันจึงต่ำลง เช่น กลัว ตกใจ เจ็บ หรืออากาศร้อนอบอ้าว การอาบน้ำอุณหภูมิอุ่นจัด หรือการหยุดพักทันทีขณะออกกำลังกายอย่างหนัก
- โรคภูมิแพ้หรือภาวะช็อกจากการติดเชื้อ ส่งผลให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดมากเกินปกติ
- โรคหัวใจ ซึ่งหัวใจบีบตัวผิดปกติ จึงลดแรงดันในหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันเลือดต่ำ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายต้องเพิ่มเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ การไหลเวียนหรือปริมาณชองเลือดในร่างกายของแม่ลดลง ส่งผลให้เกิดความดันต่ำได้
- โรคต่อมไร้ท่อ ซึ่งสร้างฮอร์โมนควบคุมการทำงานของหัวใจ หลอดเลือด และเกลือแร่ต่าง ๆ ที่เป็นตัวอุ้มน้ำในหลอดเลือด จึงส่งผลถึงการไหลเวียนของเลือด
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาขับน้ำ ยาลดความดันในเลือดสูง ยาทางจิตเวชบางชนิด
สังเกตอาการความดันต่ำ
- หน้ามืด เวียนศีรษะ
- ใจสั่น หัวใจเต้นแรง
- ตาลาย ตาพร่ามัว
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ตัวเย็น มือ-เท้าเย็น ตัวซีด
- กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย
- หายใจลำบาก
- เป็นลม หมดสติ หรือชัก
ความดันต่ำ รักษาได้ไหม?
ความดันต่ำ สามารถรักษาได้ ซึ่งเป้าหมายในการรักษาคือการควบคุมความดันต่ำให้ปกติ ลดและบรรเทาอาการความดันต่ำไม่พึงประสงค์ และดูแลสุขภาพผู้ป่วยให้แข็งแรง โดยแนวทางการรักษาแพทย์จะวินิจฉัยหาสาเหตุหรือต้นตอที่ทำให้เกิดความดันต่ำ เช่น หากเกิดจากโรค ก็ต้องทำการรักษาโรคนั้นๆ เกิดจากการขาดน้ำ ก็จะให้น้ำเกลือทดแทน หรือหากการรักษาต่าง ๆ ไม่สามารถเพิ่มความดันโลหิตให้กลับมาปกติได้ ก็จะใช้การจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเพื่อรักษาระดับความดันให้ปกติ
ความดันต่ำ วิธีแก้ด้วยตัวเอง
ภาวะความดันต่ำ แก้ไขด้วยตัวเองได้ หากเป็นในระดับที่ไม่อันตรายหรือวิกฤต โดยปกติแพทย์จะให้ผู้ป่วยกลับมาดูแลด้วยตนเองควบคู่ไปกับการรักษาที่ต้นตอไปด้วย ซึ่งแนวทางการแก้ไขความดันต่ำด้วยตนเอง คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นให้ใส่ถุงน่อง เพื่อลดการแช่ค้างของเลือด
- ยืดเส้นยืดสายเบา ๆ ทุกเช้า เพื่อให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น
- ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ วันละ 8 – 10 แก้ว
- กินยาต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- กินอาหารแต่ละมื้อ ไม่ให้อิ่มเกินไป
- เปลี่ยนท่าทางต่าง ๆ ให้ช้าลง
- เวลานอนให้ยกศีรษะให้สูงกว่าปกติ
แนวทางข้างต้นยังสามารถใช้เป็นวิธีในการดูแลตนเองในชีวิตประจำวันของผู้ที่มีความดันต่ำได้ด้วย
วิธีป้องกันความดันต่ำ
อย่างที่ได้พูดถึงสาเหตุของความดันต่ำไปข้างต้นว่า ความดันต่ำ เกิดจากหลายสาเหตุและปัจจัย ดังนั้น การป้องกันความดันต่ำจึงต้องพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดด้วย อย่างไรก็ตาม ก็พอจะมีแนวทางในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดภาวะความดันต่ำอยู่บ้าง
- เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนตามโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูง และเนื้อสัตว์ติดมัน หันมาเน้นผัก ผลไม้ แทน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันต่ำ หันมาดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ แทน
- เวลาเปลี่ยนท่าทาง หรือลุกขึ้นยืน ควรทำอย่างช้า ๆ ไม่เปลี่ยนอิริยาบถรวดเร็วเกินไป ลองยืดเหยียดร่างกายก่อนเปลี่ยนท่า เช่น หากนอนอยู่แล้วจะลุก ให้ยืดเหยียดร่างกาย แล้วค่อยนั่งข้างเตียงก่อน จึงค่อยลุกขึ้นยืน เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการยืนนาน ๆ หากจำเป็นต้องยืน พยายามหาที่นั่งพักบ้าง
- หมั่นตรวจเช็กความดันโลหิตของตนเองเป็นประจำ ด้วยการใช้เครื่องวัดความดันโลหิต และควรจดบันทึกผลการวัดความดันเพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย
สรุปภาวะความดันต่ำ
ความดันต่ำ แม้จะไม่ใช่โรคร้าย แต่ก็เป็นภาวะหนึ่งที่ควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เมื่อตรวจพบอาการความดันผิดปกติ ควรสังเกตตนเองและเข้าพบแพทย์เพื่อหาทางวินิจฉัยและรักษาระดับความดันให้ปกติ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเองเป็นประจำ เพื่อให้แพทย์สามารถรักษาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น และจะช่วยป้องกันภาวะความดันต่ำซ่อนแอบแบบไม่รู้ตัวด้วย