ยังไม่จบกับการสู้กับไวรัสตัวร้ายอย่าง โควิด-19 ปัจจุบันประเทศไทย ประสบกับปัญหาการระบาดของไวรัสนี้ เป็นระลอกที่ 3 แล้ว ซึ่งล่าสุด เหตุการณ์คลัสเตอร์ที่ทองหล่อ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 1,922 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมปัจจุบัน พุ่งสูงกว่า 30,869 ราย (วันที่ 9 เมษายน 2564) ซึ่งแพทย์ได้เผยว่า โควิดสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในไทย เป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า “สายพันธุ์อังกฤษ” ซึ่งติดเร็วและง่ายกว่าเดิมถึง 1.7 เท่า! น่ากลัวใช่ไหมล่ะคะ รีบมาทำความรู้จักกับ โควิดสายพันธุ์อังกฤษ ในบทความนี้เลยค่ะ
สารบัญ
- โควิดสายพันธุ์อังกฤษคืออะไร? เข้ามาประเทศไทยได้อย่างไร?
- โควิดสายพันธุ์อังกฤษ มีอาการแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมอย่างไร?
- ณ ปัจจุบัน เราสามารถรับมือกับโควิดสายพันธุ์อังกฤษนี้ได้อย่างไรบ้าง?
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ คืออะไร? เข้ามาประเทศไทยได้อย่างไร?
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 ได้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมากอยู่กันอย่างแออัด และไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่นั้น ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่า 1,900 ราย (วันที่ 9 เมษายน 2564) ซึ่งจากการที่ได้มีการตรวจเชิงรุก พบว่าสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในไทยขณะนี้นั้น เป็นสายพันธุ์ใหม่ หรือรู้จักกันในชื่อ “สายพันธุ์อังกฤษ”
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรือ สายพันธุ์ B.1.1.7 พบครั้งแรกเมื่อปี 2563 ที่ประเทศอังกฤษ ต่อมาได้มีการกระจายไปยังประเทศอเมริกา และค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก จากการทดลองพบว่า สายพันธุ์อังกฤษเป็นการกลายพันธุ์จากสายพันธุ์เดิม ซึ่งสายพันธุ์นี้มีคุณสมบัติจับบนผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น สามารถแบ่งตัวได้เร็ว ทำให้สามารถขยายตัวในโพรงจมูกได้มาก ติดเชื้อง่าย
จากการวิจัยของโรงพยาบาลในประเทศอังกฤษหลายแห่ง พบว่าสายพันธุ์นี้ทำให้อัตราการป่วยและเสียชีวิตมากกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น ในประเทศอังกฤษก็พบพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้กว่า 50,000 รายในวันเดียวส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคติดต่อ และศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวไว้ว่า
เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษนี้ สามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธ์ุเดิมถึง 1.7 เท่า พบครั้งแรกจาก ครอบครัวชาวอังกฤษ 4 คน เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2564 ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ปัจจุบันได้อยู่ที่สถานกักตัวทางเลือก แต่คาดว่า คลัสเตอร์ที่ทองหล่อนี้ไม่ได้มาจากสถานกักตัว แต่คาดว่ามาจากการเดินทางข้ามประเทศระหว่างประเทศกัมพูชาและไทย
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ มีอาการแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมอย่างไร?
เนื่องจากโควิดสายพันธุ์อังกฤษ เป็นการกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์เดิม ส่งผลให้ไวรัสมีการแบ่งเซลล์และขยายตัวได้รวดเร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถเกาะบนผิวมนุษย์ได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบอาการของผู้ที่ติดเชื้อและลักษณะของโควิดสายพันธุ์นี้ พบว่าแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิม คือ
- ติดเชื้อได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม 1.7 เท่าจากสายพันธุ์ปกติ
- ไวรัสมีระยะฟักตัวมากกว่า 14 วัน
- ไม่มีอาการโควิด-19 ที่บ่งบอกว่าติดเชื้อ ยังสามารถดมกลิ่นหรือรับรสได้ตามปกติ มักจะปรากฏอาการเมื่อไวรัสมีความรุนแรงสูงไปแล้ว
- ปริมาณไวรัสที่พบในร่างกายสูงกว่าเดิม
แต่ถึงแม้จะมีลักษณะอาการของผู้ติดเชื้อที่เปลี่ยนไป แต่ความรุนแรงของไวรัสไม่ได้ต่างจากเดิม ดังนั้น เรื่องที่ต้องระวังคือการรับเชื้อ ที่ติดง่ายและเร็วมากกว่าปกติ
อ่านบทความ : อาการโควิด-19 เป็นอย่างไร? เช็กด่วน! อาการแบบนี้ เราติดหรือยังนะ?ณ ปัจจุบัน เราสามารถรับมือกับโควิดสายพันธุ์อังกฤษนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ต้องบอกเลยว่า ถึงแม้เชื้อไวรัสจะมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่วิธีการรับมือที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบันยังคงเป็นเรื่องของการ “ป้องกันและดูแลตนเอง” เช่นเดิมเลยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าจะมีวัคซีนโควิดออกมา แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่ติดเชื้อนี้ 100% โดยเฉพาะโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่มีการคาดการณ์จากแพทย์ว่า วัคซีน sinovac ของไทย อาจจะป้องกันไม่อยู่ก็ได้ค่ะ แถมคนที่เคยเป็นแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก บทความนี้จึงมีไอเทม ป้องกันและรับมือกับโควิด มาฝากกันค่ะ
- หน้ากากอนามัย : เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ เพราะเชื้อโควิดจะติดจากการที่เราสัมผัสและสูดหายใจนำเชื้อเข้าไปในร่างกาย หน้ากากอนามัยจึงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สามารถป้องกันไม่ให้เราสูดเอาเชื้อไวรัสนี้เข้าไป
- ปรอทวัดไข้ดิจิตอล : ถึงแม้ระยะฟักตัวของสายพันธุ์นี้จะมากกว่า 14 วัน แต่ในบางรายก็ยังมีไข้สูงอยู่นะคะ ทางที่ดีควรสำรวจอุณหภูมิของตนเองอย่างสม่ำเสมอไว้จะดีที่สุดค่ะ (ปรอทวัดไข้ดิจิตอล ALLWELL รุ่น T14 ปราศจากสารปรอทที่เป็นอันตราย วัดผลเร็ว สามารถบันทึกผลการวัดครั้งล่าสุดได้ )
- เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบอินฟราเรด : สำหรับใครที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านหลายคน หรือต้องการวัดอุณหภูมิคนจำนวนมาก ปรอทวัดไข้แบบทั่วไป คงมีความรวดเร็วไม่เพียงพอ แถมยังอาจจะเพิ่มโอกาสการสัมผัสโดนสารคัดหลั่งกันได้ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด จะสามารถวัดอุณหภูมิได้รวดเร็วและไม่ต้องสัมผัสตัวกันเลยค่ะ (เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบอินฟราเรด ALLWELL รุ่น E122 วัดอุณหภูมิจำนวนมากได้โดยไม่ ERROR ไม่ต้องสัมผัสผิว แม่นยำสูง)
- เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว : มีการค้นพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 หลายคน ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ แต่จากการสำรวจผู้ป่วยโควิด พบว่า ส่วนใหญ่มักมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดหรือเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้เฝ้าระวังอาการโควิด-19 ได้ (เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ALLWELL แม่นยำสูง ฟังก์ชันดูแลสุขภาพเพียบ)
- เจลแอลกอฮอล์ : เป็นหนึ่งไอเทมที่จะช่วยให้ป้องกันเชื้อไวรัสที่เราอาจจะไปสัมผัสโดยไม่รู้ตัวได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องควบคู่ไปกับการล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดด้วยนะคะ
สรุป
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ แม้จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างไป แต่ความรุนแรงไม่ได้มากกว่าเดิม ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือการใกล้ชิดกับผู้อื่น เพราะไวรัสสายพันธุ์นี้ สามารถติดได้เร็วและง่ายมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องป้องกันและดูแลตนเองอยู่เสมอนะคะ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ 2564 นี้ ให้งดการรวมกลุ่มเล่นน้ำ และเป็นไปได้ให้อยู่บ้านเซฟตัวเองจะดีที่สุดนะคะ