โรคแอนแทรกซ์ อาการเป็นยังไง? เกิดในวัวติดเชื้อที่แค่สูดหายใจก็ติดได้

โรคแอนแทรกซ์

         เมื่อช่วงเมษายน – พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตและติดเชื้อหลายราย จาก “โรคแอนแทรกซ์” โดยผู้ป่วยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการบริโภคเนื้อวัวดิบในงานชุมชน ทำให้กรมควบคุมโรคเร่งติดตามกลุ่มเสี่ยงกว่า 200 รายในพื้นที่เดียวกัน (อ่านประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข) และรู้หรือไม่ว่าโรคแอนแทรกซ์นี้สามารถติดเชื้อได้ง่ายเพียงแค่สูดหายใจรับเชื้อเข้าไป จะป้องกันและเฝ้าระวังอย่างไรได้บ้าง ไปดูข้อมูลกันค่ะ

โรคแอนแทรกซ์ คืออะไร? เกิดจากสาเหตุใด?

         โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Bacillus anthracis ซึ่งมักพบในดิน ฝุ่น และในสัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ แกะ เชื้อชนิดนี้สามารถสร้างสปอร์ (Spore) ที่มีความทนทานสูง อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี หากเป็นเชื้อแบคทีเรียจะตายเมื่อเจอความร้อนจากการปรุงสุกทั่วไป แต่หากเป็นเชื้อรูปแบบสปอร์ จะต้องเจอความร้อน 100 องศาเซลเซียสขึ้นไป และต้องผ่านระดับความร้อนนั้นอย่างน้อย 10-15 นาที ถึงจะตาย

โรคแอนแทรกซ์ เกิดจาก

คนเราติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ได้ทางไหนบ้าง?

  • การสัมผัสสัตว์หรือซากสัตว์ที่ติดเชื้อ
  • การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือไม่สุกดี (โดยเฉพาะวัว ควาย) ที่ปนเปื้อนเชื้อ
  • การสูดหายใจเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป
  • การติดเชื้อผ่านบาดแผลบนผิวหนังจากการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ

โรคแอนแทรกซ์ อาการเป็นอย่างไร?

         อาการของโรคแอนแทรกซ์จะไม่เหมือนกันในแต่ละกรณี เพราะขึ้นอยู่กับว่าเชื้อเข้าสู่ร่างกายทางไหน บางรายอาจเริ่มจากอาการเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ลองมาดูกันว่าอาการแต่ละรูปแบบเป็นอย่างไรบ้าง

โรคแอนแทรกซ์ อาการ

อาการของโรคแอนแทรกซ์

1. ติดเชื้อผ่านผิวหนัง มักเกิดจากการสัมผัสสัตว์ที่มีเชื้อหรือเนื้อดิบที่ปนเปื้อน

  • ผื่นแดงเล็ก ๆ คล้ายแมลงกัด
  • เกิดตุ่มพอง มีน้ำใส แล้วกลายเป็นแผลตรงกลางสีคล้ำ
  • บริเวณโดยรอบอาจบวมแดง แต่ไม่เจ็บมาก
  • อาจมีไข้ต่ำหรือรู้สึกอ่อนเพลียร่วมด้วย
  • หากได้รับยาปฏิชีวนะตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสหายมีสูงมาก

2. ติดเชื้อผ่านการหายใจ พบได้น้อยแต่มีความรุนแรงที่สุด

  • มีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย
  • หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก
  • หากไม่รักษาทัน อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หรือระบบหายใจล้มเหลว

3. ติดเชื้อจากการกิน มักเกิดหลังจากรับประทานเนื้อสัตว์ปนเปื้อนเชื้อ โดยเฉพาะเนื้อดิบหรือกึ่งสุก

  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง
  • ท้องเสีย อาจมีเลือดปน
  • บางรายอาจมีไข้และอ่อนเพลียร่วมด้วย

อาการของโรคแอนแทรกซ์อาจคล้ายโรคติดเชื้อทั่วไปในช่วงแรก แต่มีความรุนแรงและพัฒนาเร็ว หากมีประวัติเสี่ยง เช่น สัมผัสซากสัตว์ หรือกินเนื้อดิบ ควรรีบพบแพทย์โดยไม่ต้องรออาการชัดเจน

เราจะป้องกันโรคแอนแทรกซ์อย่างไรได้บ้าง?

         แม้โรคแอนแทรกซ์จะไม่ใช่โรคที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การรู้วิธีป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือมีประวัติสัตว์ล้มตายผิดปกติ

วิธีป้องกันโรคแอนแทรกซ์

วิธีป้องกันโรคแอนแทรกซ์

  • หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกไม่ทั่วถึง เช่น ลาบดิบ ซอยจุ๊ หรือเนื้อย่างกึ่งสุก ซึ่งอาจมีเชื้อแฝงอยู่โดยไม่รู้ตัว
  • สังเกตความผิดปกติของสัตว์เลี้ยงหรือปศุสัตว์ในพื้นที่ หากพบสัตว์ตายกะทันหัน หรือมีรอยโรคผิดปกติ ไม่ควรเข้าใกล้หรือแตะต้องเด็ดขาด
  • เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรซื้อจากร้านที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • สวมถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันเมื่อมีความจำเป็นต้องจัดการกับซากสัตว์ โดยเฉพาะในงานฟาร์ม งานชำแหละ หรือการกำจัดซากสัตว์
  • แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ เพื่อตรวจสอบ ป้องกันการแพร่เชื้อ และจำกัดวงการระบาดให้เร็วที่สุด

สรุป

         แม้โรคแอนแทรกซ์ จะไม่ใช่โรคที่พบบ่อยในชีวิตประจำวัน แต่การระบาดล่าสุดในประเทศไทยก็เป็นสัญญาณเตือนว่าเราควรใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค การรู้จักโรคนี้และวิธีป้องกันจะช่วยให้เราลดความเสี่ยงทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างมาก หากมีอาการผิดปกติหลังสัมผัสสัตว์หรือบริโภคเนื้อสัตว์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างถูกต้องค่ะ

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup