บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
หากพูดถึงโรคระบาดร้ายแรงในอดีต อีกหนึ่งโรคที่อยู่ในลิสต์คงหนีไม่พ้น กาฬโรค หรือ กาฬมรณะ หรือ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วน นับเป็นโรคระบาดร้ายแรงที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ความน่ากลัวของโรคนี้ทำให้ทั่วโลกขนานนามชื่อมันว่า “Black Death” แต่ในปัจจุบันสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศจีนได้ประกาศ เตือนภัยระดับ 3 หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อ 1 คนในมองโกเลีย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศถึงกรณีนี้ว่า การแพร่ระบาดของกาฬโรคในจีนนั้นยังไม่พบสัญญาณอันตรายของการระบาดดังกล่าว ซึ่งจีนได้มีมาตรการรับมืออย่างดี ด้วยการยกระดับคำเตือนในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยทันที ซึ่ง WHO กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นจีน แม้จะยังไม่พบสัญญาณอันตราย แต่ก็ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สารบัญเนื้อหา
- กาฬโรคคืออะไร
- การติดต่อของกาฬโรค
- ลักษณะอาการของกาฬโรค
- การป้องกันกาฬโรคด้วยตัวเอง
- การระบาดของกาฬโรคในอดีต
กาฬโรค คือ อะไร
กาฬโรค คือ โรคระบาดรุนแรงถึงชีวิตที่มีสาเหตุมาจาก แบคทีเรีย เยอร์ซีเนีย เพสติส (Yersinia Pestis) ที่อาศัยอยู่ในสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก เช่น มาร์มอต หนู กระรอก รวมไปถึงหมัดที่อาศัยอยู่บนตัวของสัตว์เหล่านี้ และมีหมัดหนูเป็นพาหะนำโรค แพร่สู่มนุษย์ และกาฬโรคยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวยุโรปเสียชีวิตในช่วงยุคมืด Black Death นอกจากนี้หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตได้
การติดต่อของ กาฬโรค
กาฬโรค มักมีการแพร่ระบาดในหนู เมื่อหนูตาย หมัดหนูที่มีเชื้อจะกระโดดไปยังสัตว์ชนิดอื่น หรือคน และเมื่อถูกกัดจะถูกปล่อยเชื้อใส่ หรืออาจเกิดจากการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ที่มีเชื้อ หรือจากสัตว์ที่มีเชื้อ เข้าไปทางจมูก ปาก มักเกิดขึ้นในพื้นที่ประชากรแออัด การดูแลความสะอาด จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ในการลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดเชื้อ
ลักษณะอาการของ กาฬโรค
กาฬโรคจะแสดงอาการตามลักษณะของชนิดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง
มักมีสาเหตุมาจาก การถูกหมัดที่มีเชื้อกัด ผู้ป่วยจะมีอาการ หนาวสั่นกะทันหัน และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองบวม ขนาดประมาณไข่ไก่ และเจ็บ หรือมีอาการไวต่อความรู้สึก ในบริเวณจุดใดจุดหนึ่งของ ร่างกาย เช่น คอ รักแร้ หรือขาหนีบ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
- กาฬโรคปอด
ผู้ป่วยกาฬโรคชนิดนี้ เกิดขึ้นจากการที่ผู้ป่วยหายใจเอาละอองเชื้อเข้าไป หรือเกิดจากแบคทีเรียแพร่กระจายเข้าสู่ปอด จะมีอาการ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และมีอาการปอดบวมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วย เจ็บหน้าอก ไอ หายใจตื้น ในผู้ป่วยบางรายอาจมีน้ำมูกหรือน้ำมูกปนเลือด อาจทำให้การหายใจล้มเหลว หรือช็อกได้ภายใน 2 วัน หลังจากติดเชื้อ ซึ่งกาฬโรคชนิดนี้ มีความรุนแรงที่สุดและสามารถแพร่เชื้อเข้าสู่คนได้
- กาฬโรคแบบโลหิตเป็นพิษหรือติดเชื้อในกระแสเลือด
มักมีสาเหตุ มาจากผู้ป่วยไปสัมผัสสัตว์ที่มีเชื้อ หรือถูกหมัดที่มีเชื้อกัด และยังสามารถเกิดได้จากกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง กาฬโรคปอด ที่ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมได้เช่นกัน ผู้ป่วยกาฬโรคชนิดนี้ จะมีอาการ อ่อนเพลียอย่างรุนแรง มีไข้หนาวสั่น ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ช็อก และมีเลือดออกตามผิวหนัง หรืออวัยวะอื่น ๆ เช่น จมูก ปาก ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายบางส่วน ตายและเปลี่ยนเป็นสีดำ เช่น จมูก นิ้วมือ และ นิ้วเท้า เป็นต้น กาฬโรคชนิดนี้มีความรุนแรง หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การป้องกัน กาฬโรค ด้วยตัวเอง
กาฬโรคหรือ Black death แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน แต่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ และสามารถป้องกันตัวเองจากกาฬโรคได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- กำจัดพาหะนำเชื้อสัตว์ฟันแทะ ในบริเวณพื้นที่พักอาศัยและที่ทำงาน โดยกำจัดแหล่งพื้นที่ที่สัตว์เหล่านี้อาจมาสร้างรัง และกำจัดหมัดหนูด้วยยาฆ่าแมลง ระวังอย่าให้โดนหมัดหนูกัด
- สวมถุงมือทุกครั้ง เมื่อต้องสัมผัสสัตว์ที่สงสัยว่าอาจมีเชื้อ ป้องกันการสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง
- จัดการที่อยู่อาศัยไม่ให้รก แออัด กำจัดขยะมูลฝอยที่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์หนู
- หากมีสัตว์เลี้ยง ให้หมั่นกำจัดหมัดเป็นระยะ
การระบาดของ กาฬโรค ในอดีต
กาฬโรคหรือที่เราเรียกกันว่า Black death ในอดีตเคยเกิดการระบาดใหญ่ขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 คริสต์ศตวรรษที่ 6 Plague of justinian การระบาดครั้งนี้ เริ่มขึ้นที่ประเทศอียิปต์ไปสู่ทวีปยุโรป สร้างความรุนแรง โดยเฉพาะกรุงคอนสแตนติโนเปิล มีผู้เสียชีวิตมากถึงวันละหมื่นคน และมีการระบาดติดต่อกัน เป็นระยะยาวนานถึง 50 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าล้านคน
- ครั้งที่ 2 คริสต์ศตวรรษที่ 14 The Black Death หรือ กาฬมรณะ การระบาดครั้งนี้ เริ่มขึ้นที่ต้อนใต้ของประเทศอินเดียและประเทศจีน ผ่านเข้าประเทศอียิปต์ และเข้าสู่ยุโรป มีการระบาดในประเทศอิตาลี เมื่อปี พ.ศ.1889 เรียกว่า Great Mortality ซึ่งระบาดเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 15 16 และ 17 และในปี พ.ศ. 2208 ได้มีการระบาดที่ลอนดอน มีผู้เสียชีวิตมากถึง 6 หมื่นคน จากประชากรจำนวนทั้งหมด 450,5000 คน โดยเรียกการระบาดครั้งนี้ว่า Plague of London เป็นการระบาดครั้งใหญ่ในยุโรป มีผู้เสียชีวิตมากถึง 25 ล้านคน
- ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2439 เป็นการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก มีการระบาดเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ไทย และฟิลิปปินส์ ฮาไอวี อารเบีย เปอร์เซีย เตอร์กี อียิปต์ และแอฟริกาตะวันตก ไปยังรัสเซียและทวีปยุโรป เข้าสู่อเมริกาเหนือและเม็กซิโก ซึ่งในรายงานปี พ.ศ. 2443-2554 มีผู้เสียชีวิตมากถึง 60,000 คน ในภาคตะวันออกของประเทศจีน และในช่วงปี พ.ศ. 2453 – 2454 มีผู้เสียชีวิตมากถึง 10,000 คน ในแมนจูเลีย และต่อมามีรายงานการระบาด ที่ประเทศรัสเซียและรัฐแคลิฟอร์เนีย
สรุป
แม้กาฬโรค จะจัดเป็นโรคระบาดร้ายแรงในอดีต แต่ในปัจจุบัน สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ และการระบาดในจีนยัง ไม่ใช่การระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งประเทศจีนได้มีมาตรการรับมืออย่างดี และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ร่วมกัน WHO เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามมากขึ้น