สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยตอนนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะจากผลสำรวจในประเทศจีน พบว่า ผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และผู้ที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งผู้สูงอายุมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 15 % และผู้ที่มีโรคประจำตัวมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10.5% นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรใส่ใจและระมัดระวังผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวจากเชื้อไวรัสโควิด-19 มากเป็นพิเศษ
สารบัญ
- ทำไมผู้สูงอายุถึงเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สูง?
- การดูแลผู้สูงอายุให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19
- เช็กอาการ แบบไหนป่วยไข้หวัด แบบไหนติดเชื้อโควิด-19?
- โรงพยาบาลที่เปิดรับตรวจเชื้อไวรัสโควิด -19
ทำไมผู้สูงอายุถึงเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 สูง?
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมถอยลง ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19ได้ง่าย และอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ว่าผู้สูงอายุคนนั้นจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็ตาม และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงมากขึ้นไปอีก
ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ขึ้นไปควรระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ
อัตราการเสียชีวิตของแต่ละช่วงอายุ
- 0-9 ปี = 0%
- 10-39 ปี = 0.2%
- 40-49 ปี = 0.4%
- 50-59 ปี = 1.3%
- 60-69 ปี = 3.6%
- 70-79 ปี = 8.0%
- 80 ปีขึ้นไป = 14.8%
รัฐบาลจีนเผย จากการศึกษารายละเอียดกว่า 44,000 กรณี พบว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงที่สุดคือผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
กลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูงสุด
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอิตาลี ผลการศึกษาพบว่า ผู้เสียชีวิตกว่า 99% ทั่วประเทศ เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว และยังสำรวจพบว่า ผู้เสียชีวิตเกือบครึ่งมีโรคประจำตัวอย่างน้อย 3 โรคด้วยกันและผู้เสียชีวิต 1 ใน 4 มีโรคประจำตัว 1 – 2 โรคด้วยกัน โดยอายุเฉลี่ยของผู้ที่เสียชีวิตในประเทศอิตาลี อยู่ที่ 79.5 ปี
ซึ่งจากผลสำรวจทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงสียชีวิตจากโควิด-19 สูง กว่าวัยหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง แม้อิตาลีจะสั่งปิดเมืองไปแล้ว ก็ยังเห็นได้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอิตาลีถือเป็นอีกประเทศที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
โรคประจำตัวโรคใดบ้างที่มีความเสี่ยง
1.โรคหัวใจและหลอดเลือด
มีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 13.2% ผู้ป่วยกลุ่มนี้เมื่อได้รับเชื้อไวรัสแล้ว จะส่งผลให้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ 17% กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ 7% ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้ 9% ตลอดจนไตวาย 4%
2.โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เฉลี่ยอยู่ที่ 9.2% เนื่องจากระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำลง จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อที่มากขึ้นและรุนแรงขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงไม่ควรหยุดยาเอง และที่สำคัญต้องคอยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดที่เชื้อรุนแรงและเสียชีวิต
จากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการเดินทางไปตรวจเบาหวานที่โรงพยาบาลในช่วงนี้มีความเสี่ยงสูงมาก จึงอาจไม่สะดวกนัก
สมาคมแพทย์ต่อมไร้ท่ออเมริกา (American Association of Clinical Endocrinologists) ได้ออกคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อปรับใช้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ไว้ดังนี้
- ทานยาหรือฉีดยาเบาหวานตามแพทย์สั่ง
- เตรียมยาและชุดอุปกรณ์สำหรับเบาหวาน เช่น ยา เข็มฉีดยา ชุดตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ให้เพียงพอ เพื่อที่หากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจะได้มีเพียงพอต่อการใช้งาน โดยควรเตรียมเพิ่มจากของเดิมอย่างน้อยล่วงหน้า 30 วัน
หากผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องตรวจวัดระดับน้ำตาล และไม่สะดวกในการเดินทางออกไปซื้อ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Lazada, Shopee หรือผ่านทางเว็บไซต์ ALLWELL ของเรา
3.โรคความดันโลหิตสูง
อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 8.4% ยิ่งหากติดเชื้อแล้วไม่รีบรักษา อาจมีความเสี่ยง นำไปสู่ภาวะหัวใจวายและเสียชีวิตได้
4.โรคระบบทางเดินหายใจ
อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 8% 5.โรคมะเร็งอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 7.6% จะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่มีโรคประจำตัวเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้จึงไม่ควรละเลยที่จะดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ
- เด็กเล็ก
- คนที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (คนอ้วน)
- ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น จีน อิตาลี ฝรั่งเศส เกาหลี ญี่ปุ่น
- ผู้ที่ต้องทำงาน หรือรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ
- ผู้ที่ทำงานที่ต้องพบปะชาวต่างชาติบ่อยๆ
การดูแลผู้สูงอายุให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19
- งดการออกไปทำกิจกรรมข้างนอก การพบปะกับผู้คนอื่นๆ หรือออกไปสถานที่ ที่มีผู้คนแออัด เช่น ห้างสรรพสินค้า
- หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ เป็นต้น
- ให้ผู้สูงอายุล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ เป็นเวลา 20 วินาที หรืออาจใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์แทน
- เลี่ยงการสัมผัสตัว สัมผัสมือผู้สูงอายุ และไม่ให้ผู้สูงอายุไปสัมผัสตัวผู้อื่น
- ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ
- หากมีความจำเป็นต้องพาผู้สูงอายุไปข้างนอก ให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันอยู่เสมอ
- เตรียมข้าวของเครื่องใช้ อาหาร เช่น น้ำดื่ม สำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น
- สำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวให้จัดเตรียมยาและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประจำให้พร้อมและเพียงพอต่อการดูแลรักษา
- หากมีโรคประจำตัวที่ต้องพบแพทย์เป็นประจำ อาจลองปรึกษาแพทย์ว่าสามารถคุยปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์หรือแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ได้ไหม หรืออาจให้ผู้สูงอายุรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้านแทน เพื่อเลี่ยงการเดินทางไปโรงพยาบาล
- เตือนให้ผู้สูงอายุหากิจกรรมทำ อย่าให้อยู่เฉยๆ อาจให้รดน้ำต้นไม้ ทำกายบริหารที่บ้าน และระมัดระวังหากต้องปล่อยผู้สูงอายุไว้ที่บ้านเพียงลำพัง เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของผู้สูงอายุได้ โดยคนในครอบครัวต้องคอยพูดคุย โทรหา หรือวิดีโอคอลหาบ้าง
- เตรียมแผนสำรองอย่างรอบคอบในกรณีที่ผู้สูงอายุป่วยกระทันหันจะได้ดูแลได้ทัน
- ตั้งเบอร์โทรด่วนให้ผู้สูงอายุ เช่นการกด 0 ค้างไว้ แล้วโทรเข้าเบอร์ของลูกหลานทันที เพื่อที่เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือทัน
- หากสมาชิกภายในบ้านมีอาการป่วย หรือกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้แยกกันอยู่เพื่อเฝ้าระวังอาการ
- คอยติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถืออยู่เสมอ
- หากผู้สูงอายุมีอาการป่วยให้รีบติดต่อหรือเข้าพบแพทย์ทันที
เช็กอาการ แบบไหนป่วยไข้หวัด แบบไหนติดเชื้อโควิด-19
อาการ | Covid-19 | ไข้หวัด | ภูมิแพ้ |
ไอ มีเสมหะ | ✓ | ✓ | ✓ |
ไอ ไม่มีเสมหะ | ✓ | ||
ปวดศีรษะ | ✓ | ✓ | |
มีน้ำมูก | ✓ | ✓ | |
ตาแดงและคัน | ✓ | ||
จาม | ✓ | ||
ไข้สูงเฉียบพลัน | ✓ | ||
มีไข้ (ไม่สูง) | ✓ | ||
หายใจติดขัด | ✓ | ||
เจ็บคอ | ✓ | ✓ | |
ปวดเมื่อยตามตัว | ✓ | ✓ |
ในสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นทุกวัน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัวใดที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ การพาผู้สูงอายุไปตรวจหาเชื้อไวรัสก่อนก็ถือว่าเป็นการป้องกันที่ดี ซึ่งการพาผู้สูงอายุไปตรวจควรที่จะไปโดยรถยนต์ส่วนตัว หลีกเลี่ยงวันหยุดที่อาจจะมีคนไปตรวจเยอะ แต่งกายรัดกุม และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากภายนอก
ในขณะนี้หลาย ๆ โรงพยาบาล ได้เปิดรับให้ประชาชนสามารถไปตรวจหาเชื้อโรค โควิด-19 แล้ว แต่ทั้งนี้ก็จะมีค่าจ่ายใช้ค่อนข้างสูง สำหรับคนที่ไม่พร้อมสำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายก็อาศัยการดูแลตัวเองตามหลักการที่กล่าวไปข้างต้น หรือหากมีอาการสุ่มเสี่ยงแต่ไม่แน่ใจ ให้กักตัวเอง 14 วันเพื่อรอดูอาการ
โรงพยาบาลที่เปิดรับตรวจเชื้อไวรัสโควิด -19
ที่ | รายชื่อโรงพยาบาล | ค่าใช้จ่าย/ค่าตรวจ |
1. | รพ.จุฬาลงกรณ์ | 3,000 – 6,000 บาท |
2. | รพ.ราชวิถี | 3,000 – 6,000 บาท |
3. | รพ.รามาธิบดี | 5,000 บาท ขึ้นไป |
4. | รพ.วิชัยยุทธ | 7,500 บาท |
5. | รพ.บางปะกอก 9 อินเตอร์แนชั่นแนล | 7,900 – 10,000 บาท |
6. | รพ.พญาไท 2 | 6,100 บาท |
7. | รพ.พญาไท 3 | 6,100 บาท |
8. | รพ.แพทย์รังสิต | 8,000 บาท |
9. | รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ | 9,900 บาท |
10. | สถาบันบำราศนราดูร | 8,000-14,000 บาท |
11. | รพ.กรุงเทพคริสเตียน | 5,000 – 10,000 บาท |
12. | รพ.พระราม 9 | 8,000 – 10,000 บาท |
13. | รพ.เปาโลเมโมเรียล | 5,000 บาท ขึ้นไป |
14. | รพ.เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4 | 5,000 บาท ขึ้นไป |
15. | รพ.เปาโลเมโมเรียลสมุทรปราการ | 5,000 บาท ขึ้นไป |
16. | รพ.เปาโลเมโมเรียลรังสิต | 5,000 บาท ขึ้นไป |
17. | รพ.เปาโลเมโมเรียลเกษตร | 5,000 บาท ขึ้นไป |
18. | รพ.เปาโลเมโมเรียลพระประแดง | 5,000 บาท ขึ้นไป |
หากเป็นผู้เข้าข่ายสามารถตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากไม่เข้าข่ายแต่มีความประสงค์ที่จะตรวจผู้เข้ารับบริการต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
สรุป
ในแต่ละช่วงอายุ ผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตมากที่สุด และความเสี่ยงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย เนื่องมาจากภูมิคุ้มกันที่ต่ำและร่างกายที่ไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงควรหมั่นดูแลตัวเองให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการออกไปพบปะผู้คนข้างนอก ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวทำตามคำแนะนำของแพทย์และงดใช้ยาเองเป็นอันขาด และที่สำคัญควรจัดเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูแลตัวเองให้พร้อมกับสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดอยู่เสมอ