ตกขาว คือ สิ่งที่ผู้หญิงพบเจออยู่ตลอดจนเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้การมีตกขาวจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การมีสีตกขาวที่แปลกไป นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายแล้วล่ะค่ะ เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีเขียว สีตกขาวเหล่านี้บอกถึงความผิดปกติอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
ตกขาวปกติ ควรเป็นแบบไหน?
ตกขาว หรือระดูขาว คือ สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิง มีหน้าที่สำคัญในการรักษาความสะอาด และช่วยปรับสมดุลของช่องคลอด ช่วยทำให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื้น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง โดยตกขาวมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามรอบประจำเดือน
โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นหรือสีใส ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือมีกลิ่นเล็กน้อยตามธรรมชาติ ไม่มีอาการแปลก ๆ อย่างอาการคัน บวมแดง ฉี่แสบขัด ฯลฯ ดังนั้นถ้าตกขาวเหล่านี้ผิดปกติไป ก็สามารถบ่งบอกได้ถึงโรคหรือความผิดปกติบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
- ในช่วงวันที่ 6-14 ของรอบเดือน จะเป็นช่วงที่เลือดประจำเดือนหยุดไหลแล้ว หลังจากนั้น จะเริ่มมีตกขาวเล็กน้อย มีลักษณะเป็นสีขาวหรือมีสีเหลืองนวล ๆ และอาจมีลักษณะเหนียวได้
- ก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่น ๆ เป็นสีใส แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับไปมีลักษณะเป็นสีขาวและเหนียวเช่นเดิม
- ช่วงก่อนมีประจำเดือน ตกขาวจะมีปริมาณน้อยลงเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ หายไป จนรอบเดือนใหม่มา
ตกขาวสีเหลือง สีน้ำตาล และสีต่างๆ บอกความผิดปกติอะไร?
หากตกขาวมีสีและอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุและหาทางรักษา เพราะหากปล่อยไว้อาการจะร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตตกขาวอยู่เป็นประจำนะคะ
ตกขาวสีต่าง ๆ ที่ผิดปกติ
- สีเหลือง : มีลักษณะเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองปนเขียว มีฟอง มีกลิ่นเปรี้ยว มีปริมาณมาก และอาจมีอาการคันบริเวณช่องคลอดและปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย ลักษณะเช่นนี้มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องคลอด เช่น ผ้าอนามัยแบบสอด
- สีน้ำตาล : มักมีปริมาณไม่มากนัก ไม่มีกลิ่นเหม็น เกิดจากการลอกตัวของมดลูก มักพบหลังจากมีประจำเดือน ไม่มีอันตรายอะไร แต่หากมีอาการคัน มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น และปัสสาวะแสบขัด ต้องรีบไปพบแพทย์
- สีเขียว : ชนิดที่ไม่มีกลิ่นและไม่มีอาการแสบคัน อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
- สีชมพูหรือแดง : เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ลักษณะนี้มักพบในผู้หญิงหลังคลอด แต่หากเกิดในผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ มักเกิดจากการมีเลือดปนมากับตกขาว สาเหตุอาจเกิดมาจากโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก จึงควรไปพบแพทย์ทันที
- สีขาวขุ่น : อาจมีสีเหลืองปน มีกลิ่นและลักษณะคล้ายนมบูด มีอาการแสบและคันบริเวณช่องคลอด มักพบในผู้ใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหรือมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- สีเทา : มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง มีอาการคันและระคายเคือง อวัยวะเพศบวมแดง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรืออาจเกิดจากแบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุลกัน
- สีปกติ แต่มีกลิ่นเหม็น : เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอด หรือเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
วิธีดูแลช่องคลอดให้ไร้กังวลเรื่องตกขาว
ช่องคลอดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของผู้หญิง การที่เราดูแลสุขภาพช่องคลอดให้ดี จะลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดความผิดปกติของตกขาว และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ภายในด้วยนะคะ
- หากมีรอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเชื้อโรคอาจเข้าสู่ช่องคลอดได้
- หากใช้ผ้าอนามัยสำหรับตกขาว ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะเกิดความอับชื้นได้
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้ความสมดุลภายในช่องคลอดเปลี่ยนไป และอาจติดเชื้อได้ง่าย
- ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้สบู่ที่ไม่ทำให้เกิดการแสบหรือระคายเคือง
- สวมใส่กางเกงในที่ไม่หนาหรือรัดแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้นได้
- ควรใช้ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์ ช่วยลดโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นได้
- ไม่ควรทานยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน หากไม่จำเป็น
- หากเกิดอาการผิดปกติใด ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- ตรวจภายในเป็นประจำทุกปี
สรุป ตกขาวช่วยบอกความผิดปกติของร่างกาย
สีของตกขาว เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยเตือนให้เรารู้ถึงความผิดปกติภายในที่เรามองไม่เห็น เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเหลือง ดังนั้น เราควรหมั่นสังเกตสีของตกขาวอยู่เสมอ เพราะหากเกิดความผิดปกติใด ๆ จะได้เข้ารับการรักษาได้ทันนะคะ นอกจากสีของตกขาวแล้ว ความผิดปกติ เช่น อาการคันหรือเจ็บบริเวณช่องคลอด ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติเช่นกัน
ดังนั้น เราต้องคอยดูแลสุขภาพช่องคลอดให้ดีอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้ายแรง ที่อาจเกิดขึ้นได้นะคะ