บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
มีใครกำลังประสบปัญหากับ อาการชาปลายนิ้วมือ ชาปลายนิ้วเท้า หรือมีอาการชาร่วมกับอาการเจ็บจี๊ด ๆ เหมือนโดนเข็มทิ่มแทงอยู่ไหมคะ? รู้หรือไม่ว่า นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนอันตรายเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาท หรือบอกโรคบางอย่าง บอกเลยว่าไม่ควรชะล่าใจอย่างยิ่งค่ะ บทความนี้เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของอาการชาดังกล่าวมาฝาก พร้อมกับคำแนะนำในการรักษาที่ทุกคนควรรู้ ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
สารบัญ
- อาการชาปลายนิ้วมือ-ชาเท้า เกิดจากโรคอะไร
- อาการมือเท้าชาแบบไหนควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- รักษาอาการมือเท้าชา อย่างไรได้บ้าง?
- ไม่อยากชาปลายนิ้วมือ-นิ้วเท้า ป้องกันอย่างไร?
อาการชาปลายนิ้วมือ-ชาเท้า เกิดจากโรคอะไร?
อาการชาแขนขาเหมือนเป็นเหน็บทั่วไป แม้ว่าฟังดูแล้วจะไม่ใช่อาการร้ายแรงที่กระทบต่อชีวิตประจำวันมากนัก แต่ถ้าหากปล่อยไว้ไม่สังเกตหรือละเลยก็อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน บทความนี้จะพาทุกท่านไปหาสาเหตุกันว่า อาการชาปลายนิ้ว หรือ อาการแขนขาชา เป็นเพราะขาดวิตามินอะไร หากไม่ใช่แล้วส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุใดบ้าง เรารวบรวมมาให้แล้ว ดังนี้
สาเหตุของการชาปลายนิ้วมือ-นิ้วเท้า
- เกิดจากการขาดวิตามิน B1 , วิตามิน B6 และ วิตามิน B12
- อาจเกิดจากการนั่ง หรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน
- เกิดจากระดับแร่ธาตุ และวิตามินในร่างกายผิดปกติ
- ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาเคมีบำบัด หรือฉายรังสี
- เกิดจากอาการของโรคปลายประสาทอักเสบ โรคคาร์พัลทันเนล และโรคเรย์เนาด์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภาวะที่ส่งผลต่อเส้นประสาทที่นำข้อความจากสมอง และไขสันหลังไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
อาการมือเท้าชาแบบไหน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที!
อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่านรุนแรง ลุกลามอย่างรวดเร็ว อาจมีผลกระทบต่ออวัยวะส่วนอื่น ๆ ดังนั้น จึงควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับใครที่กำลังมีอาการและยังไม่แน่ใจว่าตกอยู่ในภาวะเสี่ยงหรือไม่ เราจึงรวบรวมอาการชาปลายนิ้วมือ ที่บ่งบอกถึงภาวะอันตรายของความผิดปกติของระบบประสาทที่ควรพบแพทย์ทันทีมาให้แล้ว ดังต่อไปนี้
อาการชามือชาเท้าที่อันตราย!
- อาการชา หรือรู้สึกเสียวที่บริเวณนิ้วมือ หรือเท้า เป็นเวลานานต่อเนื่อง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและสาเหตุที่แน่ชัด
- อาการชาที่ปลายเท้า และปลายมือเข้าหาลำตัว เป็นอาการที่เกิดจากการขาดสาอาหารที่สำคัญ จำพวก วิตามิน B1 , B6 , B12
- อาการชาตั้งแต่ปลายนิ้วและร้าวขึ้นมาตามแขนจนถึงข้อศอก อาจเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อม และมีผลต่อการกดทับเส้นประสาท
- อาการชาตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงเท้า อาจเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท
- อาการชาที่เกิดขึ้นกะทันหันและมีอาการอ่อนแรงข้างเดียว พูดลำบาก หรือสับสน อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมองก็เป็นได้
รักษาอาการมือเท้าชา อย่างไรได้บ้าง?
อาการชาปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า อาจเป็นบ่อเกิดโรคอันตรายที่หลายคนไม่ควรละเลย และไม่ควรมองข้ามว่าเป็นเรื่องปกติ หากเช็กจนแน่ใจแล้วว่า อาการชาที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากโรคร้ายที่ควรได้รับการรักษาแบบเร่งด่วน บทความนี้ก็มี วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ อย่างถูกต้องมาแนะนำดังนี้ค่ะ
วิธีรักษาอาการมือเท้าชา
- หากมีอาการในระยะแรก ๆ เมื่อมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือ ควรพักการใช้งานนิ้วมือสักพัก และสิ่งสำคัญก็คือ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้มือซ้ำ ๆ หรือนาน ๆ ร่วมกับการทานยาลดการอักเสบเพื่อให้อาการทุเลาลง
- แช่มือในน้ำอุ่นๆ จะช่วยลดอาการชา ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น โดยอาจจะแช่วันละ 1-2 ครั้งก็ได้
- สวมอุปกรณ์ช่วยพยุงข้อมือและมือ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้บริเวณข้อมืองอจนกดทับเส้นประสาท และควรได้รับการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย เพื่อไม่ให้อาการเหล่านั้นกลับมาเป็นอีก
- หากอาการ ชาปลายนิ้วมือ ไม่ดีขึ้น หรือปวดบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก อาจจะต้องพิจารณารักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ หรืออีกหนึ่งวิธีคือ แพทย์อาจจะต้องพิจารณาผ่าตัด ในรายที่อาการยังไม่ดีขึ้นถึงขั้นรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ไม่อยาก ชาปลายนิ้วมือ-นิ้วเท้า ป้องกันอย่างไร?
ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ แล้วอาการ ชาปลายนิ้วมือ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะอาจเกิดจากการใช้งานนิ้วมือเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน เพราะฉะนั้นการป้องกันที่ได้ผลแน่นอนจึงเป็นไปได้ยาก แต่เราสามารถป้องกันและรับมือกับอาการมือชาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือทำงานหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอาการชาที่ปลายนิ้วนั่นเอง
- ในกรณีที่ต้องทำงานหน้าจอคอม พยายามให้ข้อมืออยู่ในท่าตรง เพื่อลดการทำงานหนักของข้อมือและนิ้วมือ และให้มืออยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าข้อมูล ส่วนแขนก็ควรจัดวางให้อยู่ข้างลำตัว ในท่าที่สบาย ๆ ไม่เกร็งจนเกินไปจะช่วยลดอาการชาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
- หากต้องใช้มือในการทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆควรสลับข้างกันบ่อยๆ หรือหากจะให้ดีที่สุดคือ ควรหยุดพักการใช้งานของข้อมือ และนิ้วบ้าง จะได้ไม่เกิดอาการปวดชาตามมานั่นเอง
สรุป
ดังนั้นอาการชาที่ปลายนิ้วมือเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนจึงไม่ควรที่จะละเลย หรือมองข้ามว่าเป็นอาการปกติ เพราะการชาที่ปลายนิ้วของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และควรหมั่นสังเกตอาการชาที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคทันที