stroke คือ อะไร? รู้จักกับเส้นเลือดในสมองแตก โรคยอดฮิตใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

stroke คือ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

         หลายคนคงเคยเห็นความน่ากลัวของการเป็นอัมพฤกษ์ – อัมพาตมาบ้างแล้ว ทั้งเดินไม่ได้ พูดไม่ได้ ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง และยังเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ซึ่งต้นเหตุที่แท้จริงของโรคเหล่านี้คือ Stroke ถึงตรงนี้หลายคนเริ่มสงสัยแล้วว่า Stroke คือ อะไร? เส้นเลือดในสมองแตก ตีบ ตัน เกิดจากอะไร? หากเป็นแล้วรักษาให้หายได้ไหม? บทความนี้จะตอบทุกข้อสงสัยของคุณเองค่ะ

เส้นเลือดในสมองแตก

สารบัญ

Stroke คือ อะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร?

         Stroke คือ โรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากการที่สมองไม่สามารถลำเลียงเลือดที่มีทั้งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมองได้ เนื่องจากมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่หลอดเลือดสมอง ส่งผลให้สมองไม่สามารถทำงานได้ จนทำให้ร่างกายเกิดการเป็นอัมพฤกษ์ – อัมพาต หรือเสียชีวิต ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่หลอดเลือดสมองนั้น มีสาเหตุแตกต่างกันไป สามารถแบ่งได้ ดังนี้

stroke คือ

  1. หลอดเลือดในสมองตีบหรือตัน (Ischemic Stroke) เกิดจากการที่มีหินปูน และไขมันสะสมอยู่ภายในผนังหลอดเลือด จนทำให้ขนาดของหลอดเลือดค่อย ๆ ตีบแคบลง ประสิทธิภาพในการลำเลียงเลือดลดลง จนไม่สามารถนำเลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ ส่วนการที่หลอดเลือดตัน เกิดจากการที่ลิ่มเลือดที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ลุดลอยมากับเลือด จนมาอุดตันที่หลอดเลือดสมอง ทำให้นำเลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองไม่ได้
  2. หลอดเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) เกิดจากความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดมีความเปราะบาง และโป่งพองจนแตก ส่งผลให้เลือดคั่งในเนื้อสมอง ซึ่งทำให้เนื้อสมองตาย
  3. สมองขาดเลือดชั่วคราว (Transient Ischemic Attack : TIA) คือ ภาวะที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ แต่สามารถกลับมาไหลเช่นเดิมในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เนื้อสมองยังไม่ตาย ผู้ที่เป็นจะกลับมามีอาการปกติ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง แต่ผู้ที่มีภาวะเช่นนี้ หากไม่ได้รับการรักษา จะนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองภายใน 7 วัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด stroke

  • ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานาน
  • เป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเป็น Stroke เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคซิฟิลิส
  • เป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  • มีไขมันและคอเรสเตอรอลในเลือดสูง
  • กินยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
  • ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ
  • เป็นผู้ที่มีความเครียดสะสม
เครื่องวัดความดัน

ใครเสี่ยงเป็นบ้าง?

  • เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบมากที่สุดในผู้สูงอายุ เนื่องจากหลอดเลือดที่เสื่อมสภาพลง
  • ผู้ที่มีครอบครัวเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน
  • เป็นผู้มีประวัติเคยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือหยุดหายใจขณะหลับ

วิธีสังเกตและรับมือกับอาการ Stroke

         อาการของโรค Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนใหญ่มักจะมีอาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้น ต้องหมั่นสังเกตอาการเบื้องต้นของตัวเอง หรือคนรอบข้าง และต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ดังนี้

stroke

สังเกตอาการ F.A.S.T สัญญาณเตือนโรค Stroke

  1. Face : มีอาการหน้าเบี้ยวด้านใดด้านหนึ่ง ปากเบี้ยว คุมน้ำลายไม่อยู่ และมีอาการชารวมด้วย
  2. Arm : เกิดอาการแขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง จนขยับไม่ได้ หรือสูญเสียการทรงตัว
  3. Speech : พูดไม่ชัดหรือพูดไม่รู้เรื่อง ในบางรายไม่สามารถพูดได้เลย อีกทั้งยังเกิดความสับสน นึกคำพูดไม่ออกไม่เข้าใจคำสั่ง หรือคำพูด
  4. Time : หากเกิดอาการข้างต้น หรือในบางรายหมดสติ หรือชักกะทันหัน ต้องรีบนำตัวมาส่งโรงพยาบาลให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะภายใน 4.50 ชั่วโมง หรือ 270 นาที แพทย์อาจสามารถให้ยาสลายลิ่มเลือด ซึ่งทำให้มีโอกาสไม่เป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

แบนเนอร์ Bedee

แบนเนอร์ Bedee

Stroke เป็นแล้วรักษาได้ไหม?

         หากเกิดอาการ Stroke แล้วรีบมาโรงพยาบาลได้เร็ว จะลดโอกาสการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ แต่หากมาช้าหรืออาการเป็นหนัก ผู้ป่วยจะเป็นอัมพฤกษ์ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย แพทย์จะวินิจฉัยแล้วแต่ความรุนแรงของอาการ หากรุนแรงมาก จะมีการผ่าตัดร่วมด้วย แต่โดยส่วนใหญ่ แพทย์จะจ่ายยารักษา ซึ่งผู้ป่วยต้องทานเป็นประจำอย่างเคร่งครัดตามคำสั่งแพทย์ และต้องมีการกายภาพบำบัดควบคู่ไปด้วย

โรคหลอดเลือดสมอง

         สิ่งสำคัญของการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต คือ การกายภาพบำบัด หากกายภาพบำบัดเป็นประจำ นอกจากจะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลกดทับ ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนแล้ว ยังเพิ่มโอกาสที่จะมากลับมาเดิน หรือพูดได้มีมากถึง 90% แต่จะรักษาให้หายขาดนั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ ดังนั้น ต้องดูแลตนเองอยู่เสมอ สำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคเหล่านี้ซ้ำ เพราะหากเป็นครั้งต่อไปโอกาสที่จะกลับมาหายก็จะลดน้อยลง

         จะเห็นได้ว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่มีความน่ากลัวมาก การไม่เป็นโรคนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เราจึงจำเป็นต้องหมั่นดูแลสุขภาพของตัวเอง และตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีนะคะ

วิธีลดความเสี่ยงการเกิด Stroke

         โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภัยร้ายที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ดังนั้น เราต้องเฝ้าระวัง และดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ภัยร้ายนี้เกิดขึ้นกับคุณนะคะ

โรคหลอดเลือดสมองตีบ

  1. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม หวาน มัน
  2. ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป
  3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หรือมีค่า BMI ที่ปกติ
  4. พยายามไม่เครียด หรือคิดมาก
  5. หากเป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเกิด Stroke ต้องคอยสังเกตอาการตนเอง และทานยาอย่างสม่ำเสมอ
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ
  7. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็น Stroke ให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที
อ่านบทความ : กินเค็ม กินหวาน กินมัน พฤติกรรมเสี่ยงโรคร้าย อาจตายไม่รู้ตัว!

สรุป

         Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นภัยร้ายที่เกิดขึ้นกับใคร และเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น เราต้องคอยสังเกตอาการของตนเอง และคนรอบข้าง หากมีความผิดปกติใดที่เสี่ยงจะเป็นโรคเหล่านี้ ควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพราะโอกาสที่จะไม่เป็นอัมพฤกษ์ – อัมพาตมีสูง อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพตนเองด้วยนะคะ

ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆพ.816/2563 *อ่านคำเตือนในฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้

จัดจำหน่าย บริษัท ฟาร์ ทริลเลียน จำกัด 73,75 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700

ใส่ความเห็น

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup