Checklist ตรวจสุขภาพ ประจำปี อายุเท่านี้ควรตรวจอะไรบ้าง?

ตรวจสุขภาพ

         หลาย ๆ คน หากได้มีโอกาสไปโรงพยาบาล คงเห็นป้ายโฆษณาแพคเกจตรวจสุขภาพ ประจำปีมากมาย ที่ระบุโปรแกรมการตรวจโรค ยาวจนลายตา พอเห็นป้ายเหล่านี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องตรวจทั้งหมดนี้จริง ๆ ไหม? หรือความจริงแล้วเราควรตรวจสุขภาพเมื่อไหร่? แล้วตรวจอย่างไรจึงจะเหมาะสม บทความนี้มีความรู้ดี ๆ  เพื่อให้ทุกคนทราบแนวทางการ ตรวจสุขภาพ ที่เหมาะกับแต่คนมาฝากค่ะ

ตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพ คือ การตรวจร่างกายในภาวะที่ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยโดยมีวัตถุประสงค์ในการค้นหาปัจจัยเสี่ยงและภาวะผิดปกติ เพื่อให้ทราบแนวทางป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง ในทุกช่วงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ ซึ่งสามารถเลือก ตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนก็ได้เหมือนกันค่ะ

สารบัญ

ก่อนหมดปีอย่าลืมใช้! ตรวจสุขภาพประกันสังคม 14 รายการ และทันตกรรมฟรี!!! ไม่ต้องสำรองจ่าย

ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

         สำหรับการตรวจสุขภาพ ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจร่างกายทั่วไป (ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง) เพื่อค้นหาความผิดปกติ ประเมินการเจริญเติบโตตามวัย และเฝ้าระวังด้านพัฒนาการ รวมไปถึงการให้วัคซีนต่าง ๆ ตามกำหนดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดโรค

ตรวจสุขภาพ

1.แรกเกิด – 7 วัน

  • ตรวจร่างกายทั่วไป
  • ประเมินภาวะตัวเหลือง (Neonatal hyperbilirubinemia)
  • เจาะเลือดตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ( Congenital Hypothyroidism: CHT)
  • ฉีดวัคซีนบีซีจี (BCG vaccine หรือ Bacillus Calmette Guerin vaccine) ป้องกันวัณโรค
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

2.อายุ 0-6 เดือน

  • ควรได้รับการตรวจประเมินการได้ยิน 1 ครั้ง

3.อายุ 6-12 เดือน

  • ควรได้รับการตรวจทางทันตกรรม 1 ครั้ง (กรณีที่ยังไม่ได้ตรวจ แนะนำให้ตรวจภายในช่วง 1-2 ปี)
  • ตรวจคัดกรองภาวะตาเหล่ ตาเข ภาวะข้อสะโพกหลุด และความผิดปกติของอวัยวะเพศ
  • ตรวจวัดระดับความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก อย่างน้อย 1 ครั้ง

ตรวจสุขภาพ

4.อายุ 2-4 ปี

  • ควรได้รับการตรวจคัดกรองพัฒนาการ 1 ครั้ง

5.อายุ 3-6 ปี

  • ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตและวัดสายตา 1 ครั้ง และควรได้รับการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กอีก 1 ครั้ง

6.อายุ 8, 10 ปี และช่วงอายุ 11-14, 15-18 ปี

7.อายุ 11-18 ปี (สำหรับผู้หญิง)

  • ควรได้รับการตรวจความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กอีก 1 ครั้ง

BLOOD PRESSURE MONITOR JPD-HA120

Original price was: 2,490฿.Current price is: 1,490฿.

เชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อดูค่าและเก็บข้อมูลบนแอปพลิเคชันได้ | ระบบเสียงภาษาไทย | รับประกันสินค้า 3 ปี

อ่านเพิ่ม

ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มวัยทำงาน

         กลุ่มวัยทำงาน คือผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 – 60 ปี โดยบุคลากรทางการแพทย์จะซักประวัติเพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรค โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ครอบครัวมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต เพื่อช่วยในการตรวจคัดกรองโรคหรือภาวะบางอย่าง ซึ่งการตรวจร่างกายดังกล่าวควรตรวจปีละครั้ง หรือทุกครั้งที่ไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น

ตรวจสุขภาพ

1.ตรวจสุขภาพช่องปาก

  • ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันจากทันตแพทย์หรือทันตภิบาลเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง

2.ตรวจการได้ยิน

  • ควรได้รับการตรวจการได้ยินด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถูกันเบา ๆ ห่างจากรูหูประมาณ 1 นิ้ว ปีละ 1 ครั้ง

3.แบบประเมินสภาวะสุขภาพ

  • ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ภาวะซึมเศร้า
  • การติดนิโคตินในผู้สูบบุหรี่ (ตรวจเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่)
  • การดื่มแอลกอฮอล์ (ตรวจเฉพาะผู้ที่ดื่ม)
  • การใช้ยาและสารเสพติด (ตรวจเฉพาะผู้ที่ใช้สารเสพติด)

ตรวจสุขภาพ

4.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติม

  • การตรวจตา : บุคคลตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจวัดสายตาและตรวจคัดกรองโรคต้อหิน ภาวะความดันลูกตาสูง และความผิดปกติอื่น ๆ โดยทีมจักษุแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x-ray) : ช่วยตรวจหาวัณโรค โรคปอดเรื้อรังบางชนิด หรือรอยโรคผิดปกติอื่น ๆ ในปอด (เฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือมีอาการสงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรค และมะเร็งปอด)
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) : ช่วยในการตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง รวมทั้งอาจตรวจพบความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ
  • ตรวจระดับไขมันในเลือด : ควรตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด : อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3 ปี เพื่อช่วยตรวจกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน ( หากมีเครื่องตรวจเบาหวานเป็นของตนเอง ควรตรวจเป็นประจำทุกเดือน

GlucoAll-1B

1,190฿

บันทึกค่าได้ 400 ข้อมูล | ตั้งค่าโหมดการวัดก่อน-หลังมื้ออาหารได้ | รับประกันตลอดอายุการใช้งาน

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม

แผ่นสำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B และเข็มเจาะเลือด

639฿1,199฿

แผ่นตรวจ 25 ชิ้น/กล่อง | เข็มเจาะเลือด 50 ชิ้น/กล่อง

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม

แผ่นสำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B

299฿549฿

แผ่นตรวจ 1 กล่อง (25 ชิ้น)

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม
  • ตรวจปัสสาวะ : เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคไตบางชนิด
  • ตรวจอุจจาระ : บุคคลตั้งแต่อายุ 50 ปีข้ึนไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
  • ตรวจวัดระดับกรดยูริก : เพื่อช่วยประเมินระดับกรดยูริกซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเกาต์หรือนิ่วกรดยูริก (ตรวจเฉพาะคนที่มีอาการปวดข้อ มีอาการข้ออักเสบ หรือข้อพิการ ซี่งสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเกาต์เท่านั้น)
  • การตรวจการทำงานไต : เพื่อเช็กสมรรถภาพการทำงานของไต
  • การตรวจการทำงานตับ : เพื่อเช็กการทำงานของตับ
  • ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) : เฉพาะคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ควรได้รับการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) โดยตรวจเพียงคร้ังเดีย

5.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง

  • ตรวจเต้านม : ผู้หญิงในช่วงอายุ 30-39 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี จากแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข ที่ได้รับการฝึกอบรม และอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเต้านมเป็นประจำทุกปี
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วย Pap’s smear ทุก 3 ปี หรือวิธีป้ายหาความผิดปกติโดยใช้กรดอะซิติก (VIA) ทุก 5 ปี ทว่าหากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจด้วยวิธี Pap’s smear แม้ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม

ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มผู้สูงอายุ

         กลุ่มผู้สูงอายุ คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานแล้ว ผู้สูงอายุทั้งเพศชาย และหญิงควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้

ตรวจสุขภาพ

1.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติม

  • การตรวจตา : บุคคลอายุ 60-64 ปี ควรได้รับการตรวจตาโดยทีมจักษุแพทย์ทุก 2-4 ปี แต่สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจตาโดยทีมจักษุแพทย์ทุก 1-2 ปี
  • ตรวจอุจจาระ : ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
  • การประเมินภาวะสุขภาพ : โดยจะประเมินจากภาวะโภชนาการ ความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน การทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน และหากอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรได้รับการประเมินสมรรถภาพการทำงานของสมองเพิ่มเติม
  • ตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี
  • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุกปี
  • ตรวจระดับครีอะทินีน (Creatinine) ในเลือดทุกปี เพื่อประเมินภาวะการทำงานของไต
  • ตรวจปัสสาวะทุกปี
  • หากอายุ 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) ทุกปี

2.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง

  • ตรวจเต้านม : ผู้หญิงวัย 60-69 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมทุกปีโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุขที่ได้รับการฝึกอบรม และสำหรับผู้สูงวัยเพศหญิงอายุ 70 ปีขึ้นไป ควรตรวจตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการตรวจสุขภาพ
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : เพศหญิงอายุ 60-64 ปี ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วยวิธี Pap smear ทุก ๆ 3 ปี ส่วนหญิงสูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรตรวจตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพที่ไม่แนะนำมีอะไรบ้าง?

1.การตรวจสุขภาพด้วยเอกซเรย์ปอด มีโอกาสให้ผลผิดพลาดค่อนข้างสูง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลและเป็นการสิ้นเปลือง หากไปตรวจยืนยันเพิ่มเติม

ตรวจสุขภาพ

2.การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการตรวจระดับสารพีเอสเอในเลือด เนื่องจากผลตรวจผิดพลาด อาจะส่งผลให้ต้องรับการตรวจซ้ำที่ซับซ้อน เช่น การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจหามะเร็ง อันอาจเพิ่มภาวะเสี่ยงติดเชื้อจากแผลได้อีก

3.การตรวจระดับกรดยูริกในเลือด ได้ผลค่อนข้างไม่แน่นอน และอาจเสี่ยงต่อการได้รับยาลดกรดยูริกเกินความจำเป็น ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพ้ยารุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

4.การตรวจระดับบียูเอ็น (BUN) ในเลือด ไม่มีประโยชน์ต่อการคัดกรองภาวะไตเสื่อม

5.การตรวจเอนไซม์ตับ ไม่พบประโยชน์ในการตรวจคัดกรองในคนปกติทั่วไป ฉะนั้นการตรวจเอนไซ์ตับจึงไม่ใช่รายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและมีประโยชน์ค่ะ

6.การตรวจระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด มีประโยชน์ต่อการประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดน้อยมาก

7.การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) มีโอกาสคลาดเคลื่อนค่อนข้างสูง ดังนั้นรายการตรวจสุขภาพรายการนี้จึงจำเป็นแค่กับคนที่มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรังอย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

8.การตรวจสารบ่งชี้มะเร็งในเลือด (Tumor markers) ทางแพทย์จะใช้ในการติดตามผลการรักษาและการกลับไปเป็นซ้ำของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง

สรุป ตรวจสุขภาพเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องเลือกอย่างเหมาะสม

          แม้ว่าการตรวจสุขภาพจะมีมากมายหลายรูปแบบ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมดก็ได้นะคะ เพราะหลายคนก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา งบประมาณ ดังนั้น เราสามารถเลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับเราได้นะคะ แต่ถึงอย่างไร การตรวจสุขภาพไม่ว่าแพคเกจไหนก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะจะช่วยให้เรารู้ลดความเสี่ยงโรคหรือรักษาโรคที่ตรวจพบได้อย่างรวดเร็วนะคะ มาตรวจสุขภาพกันเยอะ ๆ นะคะ

ใส่ความเห็น

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup