บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ในทุกๆ วันเราต้องพบเจอกับมลภาวะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เขม่าควันดำ ฝุ่นละออง เราจึงจำเป็นที่ต้องทำความสะอาดตัวเองไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราทำในทุกวันเช้าเย็น ในขณะที่เส้นผมและหนังศีรษะของแต่ละคนอาจต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน โดยมีบางคนที่มองว่าการทำความสะอาดผมนั้นต้องทำทุกวันเหมือนกับการอาบน้ำ แต่จริงๆ แล้ว การสระผมทุกวันดีไหม? บทความนี้มีคำตอบค่ะ
สารบัญ
- สระผมทุกวันดีไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
- สระผมบ่อยแค่ไหนถึงจะดี?
- รวมความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการสระผม
- วิธีการสระผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมมีสุขภาพดี
สระผมทุกวันดีไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยว่า สระผมทุกวันดีไหม บอกเลยว่า การสระผมทุกวันนั้น ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ ซึ่งการสระผมนั้นเป็นการทำความสะอาดทั้งเส้นผมและหนังศีรษะให้สะอาดจากทั้งสิ่งสกปรก และความมันต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น การสระผมทุกวัน อาจทำให้สิ่งที่จำเป็นต่อเส้นผมและหนังศีรษะหลุดออกไปได้ด้วยเช่นกัน มาลองเช็กข้อดี-ข้อเสียของการสระผมทุกวันกันค่ะ
ข้อดี
- ช่วยกำจัดคราบไขมันบนหนังศีรษะ
- กำจัดฝุ่นละอองบนเส้นผม
- นำสิ่งสกปรกออกจากเส้นผม ซึ่งจะทำให้หนังศีรษะสะอาด
- การสระผมทุกวันทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
ข้อเสีย
อ่านบทความ : 6 วิธีแก้ผมร่วง ผู้หญิงแบบเร่งด่วน (ผู้ชายก็ทำตามได้) ผมร่วงเยอะต้องลอง!คำตอบของคำถามที่ว่า สระผมทุกวันดีไหม ตอบได้เลยว่าเป็นสิ่งไม่ดี เราควรสระผมบ่อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะเส้นผมและหนังศีรษะ และสิ่งแวดล้อมที่พบเจอมาโดยสภาพอากาศก็เป็นสาเหตุที่สำคัญ เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหนาว สระผมกันเพียงสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งเท่านั้น
เนื่องจากอากาศหนาวและแห้ง ทำให้ความมันบนหนังศีรษะน้อย ดูดซับสิ่งสกปรกได้น้อยกว่า ในขณะที่ประเทศไทยที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ควรสระผมสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง หรือวันเว้นวัน เพื่อทำความสะอาดความมันส่วนเกิน ล้างสิ่งสกปรกที่สะสมบนหนังศีรษะ ขจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียบนศีรษะให้มีจำนวนน้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม หรือปัจจัยอื่นๆ ด้วย
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการสระผม
1.ไม่ต้องใช้แชมพูทุกครั้งที่สระผม
การล้างผมด้วยน้ำเปล่าโดยไม่ต้องใช้แชมพู อย่างน้อยก็ช่วยลดความมันของผมไปได้พอสมควรเลย แต่ยังคงมีเหลือทิ้งไว้ ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ
2.เกาหัวขณะสระอย่างรุนแรง
การที่เกาหัวขณะสระผมแรงเกินจะทำให้หนังศีรษะถลอกเป็นแผล และอาจทำให้รากผมได้รับความเสียหายได้ด้วย
3.ใช้น้ำร้อนในการสระผม
วิธีนี้จะทำให้ผิวและหนังศีรษะแห้ง ดังนั้นแทนที่จะอาบน้ำร้อน ให้ลดอุณภูมิน้ำลงมา หรือจะใช้น้ำเย็นเลยยิ่งดี เนื่องจากน้ำเย็นจะช่วยคงความชื้นในผิว และเป็นประโยชน์สำหรับสุขภาพโดยรวมมากกว่า และหากใครสระผมทุกวัน แต่มีรังแค อาจมีสาเหตุมาจากการใช้น้ำร้อนก็ได้
4.ใช้ผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผมหลายชนิดมากเกินไป
การใช้ผลิตภัฑณ์เยอะๆ ในคราวเดียว ไม่ได้ช่วยให้เส้นผมสุขภาพดีกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์แค่ชิ้นเดียว ควรเลือกใช้ชิ้นที่รู้สึกว่าเหมาะกับตัวเองเท่านั้นพอ
5.ถูผมอย่างแรงเพื่อให้ผมแห้งไว
การใช้ผ้าถูผมอย่างแรงขณะผมเปียก ทำให้ผมขาดง่าย และเส้นผมเสียได้ ดังนั้นให้ใช้ผ้าขนหนูค่อยๆ ซับน้ำออก จะเป็นการถนอมเส้นผมมากกว่า
วิธีการสระผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมมีสุขภาพดี
วิธีในการสระผมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะคะ เพราะการสระผมที่ถูกต้องจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมของเรานั้นสะอาดปราศจากสิ่งสกปรก ช่วยให้ผมนั้นนุ่มลื่น ไม่แห้งเสีย แถมยังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ในทางกลับกันถ้าเราสระผมแบบผิด ๆ อาจจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมของเรานั้นได้รับผลเสียไปด้วยได้ มาดูวิธีในการสระผมที่ถูกต้องกันค่ะ
- หวีผมก่อนสระ การหวีผมก่อนเริ่มต้นสระผมจะช่วยขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกทั้งหลายให้หลุดออกไปได้ในระดับหนึ่ง ทั้งยังลดการขาดร่วงของเส้นผมขณะสระผมอีกด้วย
- ล้างผมด้วยน้ำเปล่าก่อน เพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนเส้นผมออกเบื้องต้น ซึ่งการล้างผมด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นจะช่วยเปิดรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะได้ดี
- ลงครีมนวดผมก่อน จะช่วยป้องกันการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้สิ่งสกปรกที่ติดตามเส้นผมหลุดออกไปได้ง่ายอีกด้วย
- นวดศีรษะเบาๆ ทำการชโลมแชมพูลงบนโคนผม จากนั้นใช้นิ้วมือนวดวนบริเวณศีรษะช้าๆ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดของหนังศีรษะ นานประมาณ 2 นาที เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม วิธีนี้ทำให้การสระผมทุกวัน ผมยาวเร็วมากขึ้นด้วย
สรุป
จากคำถาม สระผมทุกวันดีไหม สามารถตอบได้ว่า ไม่จำเป็นต้องสระทุกวัน เพราะการสระผม มีจุดประสงค์เพื่อชะล้าง ทำความสะอาดสิ่งสกปรกและมลภาวะที่ติดอยู่บนเส้นผมให้หมดไป แต่ใครที่จะสระผมทุกวันก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของหนังศีรษะ สภาพเส้นผม การใช้ชีวิตประจำวัน และการใช้สารเคมีกับเส้นผม ทั้งนี้หากทำได้ถูกขั้นตอน รับรองได้เลยว่าจะมีผมที่ยาวสวย เงางาม สะดุดตาอย่างแน่นอน