สุขภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของประเทศ ดังนั้นประเทศไทยของเราจึงมีการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนชาวไทย ด้วยบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่เรารู้จักกันในชื่อ บัตรทอง หรือบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค แต่หลาย ๆ คนก็ไม่ทราบถึงสิทธิบัตรทองของตนเอง จนอาจทำให้พลาดสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับไปอย่างน่าเสียดาย บทความนี้มีวิธี “เช็กสิทธิบัตรทอง” และข้อมูลที่ควรรู้มาฝากกันค่ะ
สารบัญ
- เช็กสิทธิบัตรทอง ได้ที่ไหนบ้าง?
- บัตรทอง คืออะไร? ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
- บัตรทองไม่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลอะไรบ้าง?
- ถ้าไม่มีบัตรทอง สามารถขอได้ที่ไหน?
- ใครที่มีสิทธิ์ – ไม่มีสิทธิ์ในการถือบัตรทองบ้าง?
เช็กสิทธิบัตรทอง ได้ที่ไหนบ้าง?
หลายคนไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นได้รับสิทธิบัตรทองหรือยัง หรือมีสิทธิบัตรทองแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าโรงพยาบาลหรือหน่วยงานไหนที่ตนไปใช้สิทธิบัตรทองได้ บทความนี้จะมาบอกวิธีการเช็กสิทธิบัตรทองด้วยตนเอง ผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสามารถเช็กได้ทั้งหมด 4 วิธีง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
เช็กสิทธิบัตรทองอย่างไร?
- เช็กสิทธิบัตรทองทางโทรศัพท์ ด้วยการโทรเข้าสายด่วน สปสช. ที่เบอร์โทรศัพท์ 1330 จากนั้นกด 2 แล้วกดเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตามด้วยเครื่องหมาย #
- การเช็กสิทธิบัตรทองผ่านเว็บไซต์ของ สปสช. >> www.nhso.go.th<< (หรือหน้าเว็บไซต์หลัก ให้เลือกเมนูสำหรับประชาชน แล้วคลิกเลือกตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ) ใช้ข้อมูลเพียงเลขบัตรประชาชน และวันเดือนปีเกิดของผู้ที่จะตรวจสอบ
- เช็กสิทธิบัตรทองผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. ทั้งระบบ IOS และระบบ Android เลือกเมนูตรวจสอบสิทธิตนเอง
- การเช็กสิทธิบัตรทองผ่านไลน์ (Official Account) สปสช. โดยแอดไลน์ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 จากนั้นก็เลือกตรวจสอบสิทธิ
บัตรทอง คืออะไร? ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เมื่อต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวล นอกจากความรุนแรงของโรคหรือผลการรักษาแล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องหลัก ๆ ที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่ายา หรือค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ประเทศไทย มีสิทธิในการรับการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานได้ โดยมีภาครัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุน หนึ่งในนั้นคือ บัตรทอง
บัตรทอง คือ บัตรที่ออกโดยสำนักงานประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ สปสช. ซึ่งใช้เป็นหลักฐานแก่ประชาชนชาวไทยทุกท่านเพื่อเข้าใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ เมื่อรับการบริการเกี่ยวกับสุขภาพหรือการสาธารณสุขจากหน่วยบริการที่ทางภาครัฐกำหนดไว้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
บัตรทองให้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
- บริการทางการแพทย์อย่างการตรวจวินิจฉัยโรค การตรวจ การรักษาโรค รวมไปถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์
- การบริการจัดส่งผู้ป่วยระหว่างหน่วยบริการ
- ค่าเวชภัณฑ์ หรือค่ายา ตามกรอบของบัญชียาหลักแห่งชาติ
- ค่าห้องสามัญระหว่างการพักรักษาตัว ณ หน่วยบริการ
- ค่าอาหารระหว่างการพักรักษาตัว ณ หน่วยบริการ
- บริการทันตกรรม ทั้งการถอนฟัน การอุดฟัน หรือการขูดหินปูน
- การบริการทางการแพทย์แผนไทย อย่างการนวดเพื่อการรักษา การรับยาสมุนไพรเพื่อใช้ในการบำบัด บรรเทา หรือรักษาโรค รวมไปถึงการประคบสมุนไพรอีกด้วย
- การตรวจคัดกรองโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก หรือโรคมะเร็งเต้านม
- ดูแล-ส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิงตั้งครรภ์ทั้งก่อนการคลอด และหลังการคลอด ซึ่งการคลอดนี้รวมกันไม่เกิน 2 ครั้ง
- การดูแล และส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก อย่างการให้วัคซีนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับเด็ก
- ให้คำแนะนำครอบครัวส่วนของการคุมกำเนิด
- คำแนะนำครอบครัวส่วนของการให้คำปรึกษาแก่คู่สมรส
บัตรทองไม่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลอะไรบ้าง?
หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยและได้ยินประโยคที่ว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ถ้าหากถามว่ารักษาได้ทุกโรคจริงไหม ในความเป็นจริงนั้นรักษาได้เกือบทุกโรคค่ะ ไม่ว่าจะโรคเรื้อรัง หรือโรคที่คนส่วนใหญ่มักเป็นอย่างโรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ ฯลฯ แต่ก็มีเรื่องการรักษาพยาบาลบางอย่างที่ทางสิทธิประกันสุขภาพไม่รองรับ หรือไม่ครอบคลุม ดังนี้ค่ะ
สิ่งที่บัตรทองไม่ครอบคลุมการรักษา
- ศัลยกรรมความงาม เพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น
- การรักษาหรือการวินิจฉัยที่เกินกว่าความจำเป็นตามที่แพทย์วินิจฉัย
- การปลูกถ่ายอวัยวะในบางรายการที่ทางสิทธิประกันสุขภาพไม่ได้กำหนด
- การรักษาที่อยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง
- การบริการทางการแพทย์อื่น ๆ ตามที่ สปสช. กำหนด
ถ้าไม่มีบัตรทอง สามารถขอได้ที่ไหน?
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 เป็นบัตรที่คนไทยที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพอื่น ๆ ควรได้รับ เพราะจะช่วยลดในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่าง ๆ แต่ก็น่าเสียดายที่มีหลายคนพลาดสิทธิตรงนี้ไป สำหรับใครที่ไม่มีบัตรทอง แล้วอยากได้รับสิทธิประโยชน์นี้ ก็สามารถดำเนินเรื่องของรับบัตรทองได้ ดังนี้ค่ะ
1.ผู้ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ สามารถขอได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือสถานที่ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนด
2.ในต่างจังหวัด สามารถขอได้ที่โรงพยาบาลของภาครัฐ หรือสถานีอนามัยใกล้บ้านคุณ
หลักฐานที่ใช้ในการขอบัตรทอง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้
- สำเนาสูติบัตร หรือ สำเนาใบเกิด ซึ่งใช้สำหรับเด็กต่ำกว่าอายุ 15 ปี
- สำเนาทะเบียนบ้าน
ใครที่มีสิทธิ์ – ไม่มีสิทธิ์ในการถือบัตรทองบ้าง?
แม้บัตรทองหรือบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค จะมีสำหรับประชาชนคนไทย แต่ก็มีคนไทยบางกลุ่มที่ไม่มีสิทธิ์ในการถือครองบัตรทอง เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดของทางภาครัฐ เราไปดูกันว่าใครที่สามารถมีบัตรทองได้ หรือไม่ได้บ้างค่ะ
บุคคลที่มีสิทธิ์ในการถือบัตรทอง
1.อดีตข้าราชการที่เกษียณอายุ หรือ ออกจากราชการ โดยไม่ได้รับบำนาญ
2.ผู้ประกันตนที่หมดสิทธิประกันสังคม เนื่องจากไม่ได้ส่งเงินสมทบตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
3.ทารกแรกเกิดที่ไม่ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลใด ๆ จากบิดาหรือมารดา
4.บุตรหรือธิดาของข้าราชการที่บรรลุนิติภาวะ และ ไม่มีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ด้านสุขภาพ
5.บุตรข้าราชการคนที่ 4 ขึ้นไป
6.ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตน
บุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ในการถือบัตรทอง
1.ผู้ที่มีสิทธิประกันสังคม
2.ข้าราชการ ลูกจ้าง ประจำของส่วนราชการ และครอบครัว
3.พนักงานรัฐวิสาหกิจ
4.พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในองค์กรอิสระ
5.ครูโรงเรียนเอกชนในระบบ
สรุป
การเช็กสิทธิบัตรทองของตนเองถือเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ผู้ครอบครอง หรือ ผู้ที่ถือบัตรทองควรทราบ เพราะเป็นสิทธิของประชาชนคนไทยทุกท่าน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ข้อมูลส่วนนี้ยังค่อนข้างกระจัดกระจาย หลาย ๆ ท่านจึงไม่ทราบว่าต้องทำอย่างใด หรือ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใดได้บ้าง และผู้ป่วยบางท่านก็มีความกังวลในส่วนของค่ารักษาว่าบัตรทองอาจไม่ครอบคลุมต้องทำการจ่ายเพิ่ม จึงไม่ยอมเข้ารับการรักษา ดังนั้นหากคุณมีบัตรทองแล้วก็ควรทราบสิทธิของตนเพื่อการใช้ประโยชน์สูงสุด