“ความเชื่อ” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในกลุ่มสายมูเตลูที่ให้ความสำคัญกับสีมงคลประจำวันเกิด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีเสื้อผ้า สีรถยนต์ สีเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หรือแม้กระทั่งสีของผ้าปูที่นอน ที่หลายคนเชื่อว่าจะสร้างพลังงานดี ๆ ให้กับสุขภาพและการพักผ่อน แล้วคุณล่ะ? สีไหนที่ใช่และเหมาะกับคุณที่สุด? มาค้นหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้กันค่ะ
สารบัญ
- ผ้าปูที่นอนสีไหนใช้แล้วเสริมดวงสุขภาพ ตามสีมงคลประจำวันเกิด ปี 2568
- นอกจากสีมงคลประจำวันเกิด ต้องคำนึงถึงอะไรอีกบ้าง?
- สรุป
ผ้าปูที่นอนสีไหนใช้แล้วเสริมดวงสุขภาพ
ตามสีมงคลประจำวันเกิด ปี 2568
ความเชื่อหนึ่งกล่าวว่า วันเกิดทั้ง 7 วัน มีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับธาตุทั้ง 5 (ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และทอง) จึงเกิดเป็นความเชื่อเรื่องสีมงคล โดยการนำสีตามธาตุ มาใช้เพื่อเสริมสร้างดวงด้านสุขภาพ เชื่อกันว่า จะช่วยทำให้คนที่รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม หรือมีอาการเจ็บป่วย มีสุขภาพที่ดีขึ้น อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็จะทุเลาลง เรามาดูกันว่าเกิดวันไหนใช้สีใด แล้วจะช่วยเสริมดวงสุขภาพกันค่ะ
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันอาทิตย์
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีเขียว, สีขาว สีชมพู
- ไม่ควรใช้ : สีฟ้า, สีน้ำเงิน
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันจันทร์
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีเขียว, สีม่วง
- ไม่ควรใช้ : สีแดง
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันอังคาร
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีม่วง, สีแดง, สีแสด
- ไม่ควรใช้ : สีเหลือง, สีขาว
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันพุธ
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีเขียว, สีเหลือง
- ไม่ควรใช้ : สีชมพู
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันพฤหัสบดี
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีน้ำเงิน, สีฟ้า, สีเขียว, สีแดง
- ไม่ควรใช้ : สีม่วง
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันศุกร์
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีเหลือง, สีชมพู, สีแสด
- ไม่ควรใช้ : สีเขียว
สีผ้าปูที่นอนมงคล คนเกิดวันเสาร์
- สีผ้าปูที่นอนที่ช่วยเสริมดวง : สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน , สีฟ้า, สีชมพู, สีน้ำตาล
- ไม่ควรใช้ : สีเขียว
นอกจาก สีมงคลประจำวันเกิด ต้องคำนึงถึงอะไรอีกบ้าง?
เมื่อรู้แล้วว่าแต่ละคน เหมาะกับผ้าปูที่นอนสีอะไร หลายคนก็คงวางแพลนที่จะไปซื้อแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ช้าก่อน! จะซื้อมาใช้ทั้งที จะพิจารณาจากสีสันอย่างเดียวไม่ได้นะคะ แต่เราต้องคำนึงถึงคุณภาพของผ้าปูที่นอนควบคู่ไปด้วย เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้นค่ะ ฉะนั้น เรามาดูกันว่าก่อนจะซื้อต้องพิจารณาเรื่องใดบ้าง
1. ขนาดผ้าปูที่เหมาะสมกับขนาดที่นอน
ขนาดของผ้าปูที่นอน เรียกได้ว่าเป็นสิ่งแรกที่ควรพิจารณาเลยล่ะค่ะ เพราะหากเราเลือกผ้าปูที่นอนที่มีขนาดเล็กกว่าที่นอน จะทำให้ไม่สามารถคลุมที่นอนได้ทั้งหมด หากฝืนใช้งานไป จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว หรือหากเราเลือกขนาดที่ใหญ่เกินไป ก็จะทำให้ปูผ้าได้ไม่เรียบตึง ทำให้เวลาเรานอน ผ้าปูอาจจะหลุดออกจากที่นอนได้ ดังนั้น เราควรพิจารณาก่อนว่าที่นอนเราขนาดไหน โดยส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 3 ฟุต, 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และขนาด 6 ฟุต
2. วัตถุดิบที่ใช้ในการทอ
สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาคือเรื่องของเนื้อผ้า เพราะแต่ละคนมีความชื่นชอบไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจจะรู้สึกหลับสบาย ถ้าได้นอนบนเนื้อผ้าลื่น ๆ แต่บางคนอาจจะไม่สบายตัวจนนอนไม่หลับ ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อควรพิจารณาถึงเนื้อผ้า โดยส่วนใหญ่จะมีดังนี้ค่ะ
- เส้นใยธรรมชาติ คือ เส้นใยที่ถูกนำมาทอ มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น เส้นใยที่ทำมาจากใยไผ่, ใยไหม,ฝ้าย โดยผ้าปูที่นอนที่ใช้วัตถุดิบจากเส้นใยธรรมชาติ จะสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี รู้สึกเย็นสบายขณะนอนหลับ ไม่ระคายเคืองผิวหนัง และยังดูแลรักษาง่ายอีกด้วยค่ะ
- เส้นใยสังเคราะห์ คือ เส้นใยที่เกิดจากการค้นคว้าและพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือ คุณสมบัติของเนื้อผ้า ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยวัตถุดิบมักมาจากเส้นใยพืชและขนสัตว์ เช่น เส้นใย 100% Polyester , เส้นใย Micro Fiber ซึ่งเนื้อผ้าปูที่มาจากใยสังเคราะห์ อาจจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าผ้าปูที่มาจากเส้นใยธรรมชาติ แต่ก็ให้สัมผัสที่นุ่มลื่น เย็นสบาย และมีราคาที่ถูกกว่าผ้าชนิดอื่น ๆ ค่ะ
- ผ้าซาติน คือ การนำใยธรรมชาติหรือใยสังเคราะห์ มาทอด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งผ้าที่ได้จะค่อนข้างมีน้ำหนัก ผิวเรียบ มันวาว และนุ่มลื่น แต่มีความความคงทนไม่ดีเท่ากับผ้าชนิดอื่น ๆ ค่ะ
- ผ้าไหม คือ ผ้าที่ทอจากเส้นใยที่ได้จากรังของตัวไหม เนื้อผ้าปูจะมีความแวววาว และนุ่มนวลมาก จึงโดดเด่นในเรื่องของความสวยงามและความหรูหรามากกว่าแบบอื่น แต่ข้อเสียของผ้าไหม คือมีความคงทนน้อย ทำความสะอาดยาก และมีราคาสูงค่ะ
3. จำนวนเส้นด้ายต่อตารางนิ้ว
หลังจากที่เราเลือกพิจารณาถึงเนื้อผ้าแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องคำนึงถึงก็คือ จำนวนเส้นด้ายที่ใช้ในการทอ ซึ่งผ้าปูที่นอนที่มีจำนวนเส้นด้ายมาก จะส่งผลให้เนื้อผ้ามีความละเอียด ผิวสัมผัสเนียนนุ่ม และมีความคงทนสูง (แนะนำ 300 เส้นด้ายขึ้นไป) แต่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับเนื้อวัตถุดิบที่ใช้ในการทอด้วยนะคะ เพราะหากวัตถุดิบหรือเนื้อผ้าไม่มีคุณภาพ ต่อให้มีจำนวนเส้นด้ายเยอะ ก็ไม่ช่วยให้ผ้าปูนั้นนุ่มสบายหรือดีต่อการนอนมากขึ้นค่ะ
4. รูปแบบในการทอผ้า
รูปแบบที่ใช้ในการทอผ้าปูที่นอน เราสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากเนื้อผ้าเลยค่ะ สำหรับการทอผ้าปูที่นอนนั้น จะมีการทอด้วยกัน 2 รูปแบบ ดังนี้
- ทอแบบลายขัด สังเกตได้จากเนื้อผ้าจะไม่ขึ้นเงา ข้อดีของการทอแบบนี้ จะทำให้ผ้าปูที่นอนมีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน แต่เนื้อผ้าจะไม่นุ่ม
- ทอแบบขึ้นเงา สังเกตได้จากเนื้อผ้าที่ขึ้นเงาหรือมัน ข้อดีของการทอแบบนี้ จะทำให้ผ้าที่ได้นั้นนุ่มลื่น เย็นสบาย แต่มีข้อเสียในเรื่องของวิธีการทำความสะอาด ที่ต้องปฏิบัติให้ถูกวิธี ไม่เช่นนั้นเนื้อผ้าอาจจะเสียได้
5. คุณสมบัติป้องกันไรฝุ่น
เคยไหมคะ? เวลานอนตอนกลางคืน ทั้งไอ – จาม คัดจมูก หรือนอน ๆ อยู่ก็คันยุบยิบ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ล่ะก็ คุณอาจจะโดนเจ้าไรฝุ่นเล่นงานแล้วล่ะค่ะ ซึ่งส่งผลให้เรารู้สึกนอนไม่สบาย หลับไม่เต็มตื่น ดังนั้น หากเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่สามารถป้องกันไรฝุ่นและแบคทีเรียได้ จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลง ลดโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น และโรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้หลับสบายตลอดคืน แถมยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวได้ด้วยค่ะ
อ่านบทความ : ไรฝุ่น วายร้ายตัวจิ๋ว ตัวการก่อโรคภูมิแพ้ ป้องกันได้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปสรุป
การเลือกสีผ้าปูที่นอนมงคล ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้เรารู้สึกสบายใจ เสริมโชค เสริมสิริมงคล แต่นอกจากสีที่จะเลือกซื้อแล้ว ควรพิจารณาถึงวิธีการเลือกที่เหมาะสมดังที่กล่าวข้างต้น นอกจากนี้ ควรดูแลรักษาผ้าปูให้เหมาะสม เพื่อให้ผ้าปูสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ส่งผลเสียต่อผู้นอนนะคะ