Body Fat Percentage เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย เช็กยังไง? ต้องได้เท่าไหร่ถึงเรียกว่าสุขภาพดี

เปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย

           นอกจากค่า BMI แล้ว เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย หรือ Body fat percentage ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะต้องเช็กเช่นกันค่ะ เพราะเป็นค่าที่จะบอกให้รู้ว่า ร่างกายของเราในตอนนี้มีสัดส่วนของไขมันอยู่เท่าไหร่ มากเกินไปหรือไม่ เพื่อจะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีและป้องกันอันตรายจากภาวะไขมันในร่างกายมีมากเกินไปได้นั่นเองค่ะ แล้วเราสามารถเช็กไขมันอย่างไรได้บ้าง ต้องอ่านบทความนี้เลยค่ะ

สารบัญ

ทำไมเราถึงควรเช็ก เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย?

         ไขมันเป็นส่วนประกอบของร่างกาย แต่ถ้ามีมากเกินไปก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ได้มากกว่าผลดี ซ้ำยังก่อให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคหัวใจ ฯลฯ ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า ร่างกายของเรานั้นมีไขมันอยู่เท่าไหร่ โดยวัดออกมาในรูปของ Body Fat Percentage หรือ เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายนั่นเองค่ะ

เปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย

         เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย จะทำให้เราสามารถวางแผนดูแลตัวเองได้ละเอียดมากขึ้น ปรับแผนการกินและพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม เพื่อลดไขมันให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนั้น การตรวจเช็กเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ผอมก็อาจมีไขมันในร่างกายสูงก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีน้ำหนักมากหรือน้อย ก็ไม่ควรละเลยการเช็กปริมาณไขมันในร่างกายนะคะ

วิธีคำนวณ เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ด้วยตัวเอง

         การเช็กเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย นอกจากการไปตรวจเลือดหรือตรวจร่างกายตามโรงพยาบาลแล้ว สำหรับคนที่ต้องการคำนวณเปอร์เซ็นต์ไขมันด้วยตนเองเบื้องต้นก็สามารถทำได้ค่ะ เป็นการใช้สูตรคำนวณจากค่าพื้นฐานอย่างค่า BMI อายุ และเพศ ซึ่งสามารถคำนวนตามสูตรได้ ดังนี้ค่ะ

*ค่าดัชนีมวลกาย หรือค่า BMI สามารถคำนวนได้

[น้ำหนักตัว ÷ ส่วนสูง2 (เมตร)] = ดัชนีมวลกาย

เปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย สำหรับผู้ชาย

[1.2 x ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)]

+

(0.23 x อายุ) – 16.2

เปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย สำหรับผู้หญิง

[1.2 x ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)]

+

(0.23 x อายุ) – 5.4

ตัวอย่างเช่น : นาย A (เพศชาย) / อายุ 35 ปี / มีค่าดัชนีมวลกาย 22.90 จะสามารถคำนวณได้ ดังนี้

(1.2 x 22.90) + (0.23 x 35) – 16.2 = 19.33%

         โดยหลังจากคำนวณจนได้เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายออกมาแล้ว เราก็จะนำตัวเลขที่ได้มาเทียบดูตามเกณฑ์เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายตามเพศและช่วงอายุ ว่าเรานั้นมีค่าไขมันมาก น้อย หรือปกติ โดยดูตามตารางด้านล่างได้เลยค่ะ

อายุ 20-29 ปีอายุ 30-39 ปีอายุ 40-49 ปีอายุ 50-59 ปีอายุ 60 ปีขึ้นไป
เพศชายไม่เกิน 18.6%ไม่เกิน 21.3%ไม่เกิน 23.4%ไม่เกิน 24.6%ไม่เกิน 25.2%
เพศหญิงไม่เกิน 22.7%ไม่เกิน 24.6%ไม่เกิน 27.6%ไม่เกิน 30.4%ไม่เกิน 31.3%

ทำไม เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ของแต่ละคนไม่เท่ากัน?

         แน่นอนว่า เพศหญิง-เพศชาย หรือคนที่น้ำหนักมากน้ำหนักน้อย ย่อมมีค่าเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายไม่เท่ากัน แต่บางคนรูปร่างใกล้เคียงกัน น้ำหนักพอ ๆ กัน แต่ทำไมไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วค่าไขมันในร่างกายออกมาไม่เท่ากัน นั่นก็เพราะมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

เปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย

  • เพศ โดยพบว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายผู้ชาย จะมีน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายผู้หญิง เพราะผู้หญิงจำเป็นต้องใช้ไขมันมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีลูก เนื่องจากร่างกายจะมีการดึงไขมันไปใช้ในการผลิตน้ำนมด้วยนั่นเอง
  • อายุ ยิ่งอายุมาก เปอร์เซ็นต์ไขมันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากระบบในร่างกายมีการเผาผลาญไขมันได้น้อยลงจากเดิม ทำให้มีไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมากกว่าคนที่มีอายุน้อย
  • การรับประทานอาหาร ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มไขมันในร่างกายโดยตรง หากทานพวกของทอด ของมันเยอะ ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงอาหารรสหวานที่มีน้ำตาลมาก ก็มีผลเช่นกัน
  • พันธุกรรม โดยร่างกายของบางคนสามารถกักเก็บไขมันได้มากกว่าปกติ และมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งแต่ละคนย่อมมีไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนเน้นดูแลสุขภาพ แต่บางคนเน้นดื่มและปาร์ตี้บ่อยๆ จึงเป็นผลให้มีไขมันสูง

ถ้าไม่คำนวณเอง จะใช้อะไรวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายได้บ้าง?

         การคำนวนเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ด้วยสูตรข้างต้น หลาย ๆ คนก็อาจรู้สึกว่าไม่สะดวก และก็เป็นวิธีที่แอบยุ่งยาก ซึ่งถ้าเราไม่ใช้วิธีการคำนวนด้วยสูตร เราจะสามารถวัดค่าเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายอย่างไรได้บ้างนั้น ก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธีค่ะ บอกเลยว่าง่ายกว่าการคำนวนด้วยตัวเองแน่นอน

วัดไขมันในร่างกาย

  1. คาลิปเปอร์ คีมหนีบไขมัน เป็นอุปกรณ์วัดปริมาณไขมัน กล้ามเนื้อ และส่วนประกอบอื่น ๆ ในร่างกายของเรา สามารถใช้ได้ในบริเวณต้นแขน ต้นขา บริเวณช่วงอก หรือหน้าท้องก็ได้
  2. คำนวณด้วยสูตรบนเว็บไซต์สุขภาพต่าง ๆ เป็นการคำนวนด้วยสูตรคำนวนเปอร์เซ็นต์ไขมันนี่แหละค่ะ เพียงแต่ว่าทางเว็บไซต์นั้น ๆ จะทำโปรแกรมที่ให้เราเพียงแค่กรอกข้อมูลลงไปให้ครบถ้วน จากนั้นโปรแกรมจะคำนวณออกมาให้เองอัตโนมัติว่าเปอร์เซ็นต์ไขมันของคุณมีเท่าไหร่
  3. เครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมันและมวลกาย เป็นวิธีการวัดไขมันที่ง่ายและมีความแม่นยำค่ะ เหมือนกับการแค่ชั่งน้ำหนักแบบทั่วไป แต่ค่าเปอร์เซ็นต์ไขมันและองค์ประกอบร่างกายอื่น ๆ จะถูกแสดงมาด้วย ช่วยทำให้วางแผนสุขภาพได้ง่ายมากขึ้นค่ะ ถือเป็นวิธีการหาเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

เครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมัน

         บทความนี้ ขอแนะนำเครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมันและองค์ประกอบร่างกาย ALLLWELL รุ่น JPD-BFS200B ที่สามารถดูเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ แถมยังสามารถวัดองค์ประกอบต่าง ๆ ในร่างกายได้ถึง 14 ค่า! ได้แก่

  • น้ำหนักตัว
  • BMI หรือดัชนีมวลกาย
  • เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย
  • เปอร์เซ็นต์ไขมันในช่องท้อง
  • น้ำหนักไขมัน
  • อัตราการเผาผลาญพลังงาน
  • เปอร์เซ็นต์กล้ามเนื้อในร่างกาย
  • น้ำหนักกล้ามเนื้อ
  • เปอร์เซ็นต์น้ำรวมในร่างกาย
  • มวลกระดูก
  • โปรตีนในร่างกาย
  • อายุร่างกาย
  • น้ำหนักตัวที่เหมาะสม
  • น้ำหนักร่างกายไม่รวมไขมัน

         ทุกค่าครบจบในเครื่องเดียว ไม่ต้องมานั่งใช้สูตรคำนวนให้ปวดหัวเลยค่ะ เหมาะกับสายดูแลสุขภาพสุด ๆ แถมยังแข็งแรงทนทาน ดีไซน์สวย บอกเลยว่า ราคาเพียงหลักร้อยเท่านั้น!!! ถ้าเทียบกับฟังก์ชันที่ได้ ยังไงก็มีแต่คุ้มกับคุ้มค่ะ

ดูรายละเอียด เครื่องชั่งน้ำหนักวัดไขมันและมวลกาย ALLLWELL รุ่น JPD-BFS200B คลิก!!

เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายสูง! ลดได้อย่างไรบ้าง?

         หากตรวจพบเปอร์เซ็นต์ไขมันสูง ก็แปลว่าเราได้เวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วล่ะค่ะ ทางที่ดีต้องหาทางลดเจ้าไขมันส่วนเกินพวกนี้ออกไปให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพของเรานั้นดี และห่างไกลจากโรคที่เกิดจากไขมันส่วนเกินด้วยค่ะ ซึ่งเราสามารถลดไขมันในร่างกายด้วยวิธีง่าย ๆ 3 วิธีหลัก ๆ คือ

ค่าไขมันในร่างกาย

  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นวิธีสำคัญในการดูแลสุขภาพเลยค่ะ แม้น้ำหนักหรือเปอร์เซ็นต์ไขมันจะกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว ก็จำเป็นจะต้องออกกำลังกายต่อเนื่องสม่ำเสมอนะคะ
  • เลี่ยงการทานอาหารมัน ๆ อย่างเช่น ขาหมู เนื้อหมูติดมัน ของทอดทั้งหลาย เพราะเหล่านี้คือต้นตอของไขมันเลยล่ะค่ะ แถมมีเยอะมาก ๆ และเป็นไขมันไม่ดีด้วย ดังนั้น เลี่ยงได้เลี่ยงเลยค่ะ
  • กินน้ำเปล่าเยอะ ๆ จะช่วยให้อิ่มง่ายขึ้น เผาผลาญได้ดีขึ้น และช่วยให้สุขภาพและการขับถ่ายดีขึ้นด้วยค่ะ โดยเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างน้ำหวาน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ควรงดนะคะ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่เครียด จะช่วยให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

สรุป

         จะเห็นได้ว่าการวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะฉะนั้นควรหมั่นวัดไขมันอยู่เสมอ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพร่างกาย และลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากไขมันส่วนเกินนะคะ อย่างไรก็ตาม การวัดด้วยวิธีเหล่านี้ จะทำให้รู้ในเบื้องต้นเท่านั้น หากพบว่าปริมาณไขมันสูง ควรไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีกว่าและละเอียดกว่านะคะ

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup