บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ นอกจากจะพาความหนาวเย็นมาแล้ว ยังพาโรคร้ายตามมามากมาย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก มักป่วยเป็นโรคร้ายในช่วงนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งโรคอีสุกอีใส มือเท้าปาก ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ และอีกหนึ่งโรคที่ควรระวังเป็นอย่างยิ่งเลยก็คือ โรค RSV เพราะเป็นโรคร้ายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ คุณพ่อคุณแม่หลายคน เริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมคะว่า โรค RSV คือ อะไร? RSV อาการเป็นอย่างไร? รักษาได้ไหม? หาคำตอบได้ในบทความนี้เลยค่ะ
สารบัญ
- RSV คืออะไร ทำความรู้จักกับภัยร้ายของลูกน้อย
- สัญญาณเตือนอาการของโรค RSV
- โรค RSV สามารถรักษาให้หายได้ไหม?
- RSV คือโรคร้ายที่ป้องกันได้ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
RSV คือ อะไร? ทำความรู้จักกับภัยร้ายของลูกน้อย
โรค RSV คือ เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบหรือหลอดลมอักเสบ หรือชื่อเต็มคือ Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเชื้อไวรัสนี้ สามารถติดต่อได้ง่ายมาก โดยมาจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ซึ่งสามารถกระจายเชื้อให้ลอยปะปนอยู่ในอากาศภายในรัศมี 3 ฟุต ผ่านทางการไอหรือจาม โดยที่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา หู จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ
เครื่องวัดอุณหภูมิดิจิตอล รุ่น T14 วัดผลเร็ว 10 วินาที กันน้ำ บันทึกค่าการวัดครั้งล่าสุดได้
เชื้อไวรัส RSV จะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้หลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ และจะเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น เชื้อไวรัส RSV นี้ ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยพบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ประมาณเดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน
โรค RSV สามารถเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง?
เชื้อไวรัส RSV เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะเกิดขึ้นและมีอาการรุนแรงมากกับเด็กเล็ก ๆ ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจากมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง ไม่ค่อยพบในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งหากติดเชื้อก็จะมีอาการไม่รุนแรง ยกเว้น ผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ โรคปอด หรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
สัญญาณเตือนอาการของโรค RSV
หลังจากได้รับเชื้อไวรัส RSV มา จะสามารถแสดงอาการให้เห็นได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าที่สุดประมาณ 8 วัน โดยอาการในระยะแรก จะเหมือนกับไข้หวัดธรรมดา คือ มีไข้ต่ำ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ แต่หากปล่อยไว้ จนเชื้อพัฒนาไปสู่ขั้นที่รุนแรง เชื้อไวรัสจะทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบ อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่ม มีอาการหอบ ไอรุนแรง ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว จนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กอายุน้อย ๆ ที่ปล่อยอาการทิ้งไว้จนถึงขั้นรุนแรง จะยิ่งเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น
หากสงสัยว่าลูกของคุณ กำลังป่วยเป็นโรค RSV หรือเปล่า ให้สังเกตอาการ ดังนี้เลยค่ะ
- มีภาวะขาดน้ำ ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เวลาร้องไห้
- มีไข้สูงขึ้น ๆ ลง ๆ และมีน้ำมูกใส ๆ ไหลตลอดเวลา
- ไอ และจามบ่อย จนเหนื่อย ในบางราย มีอาการไอมากจนอาเจียน
- เบื่ออาหาร กินอาหารหรือกินนมไม่ได้ งอแง หรือซึมทั้งวัน
- มีเสมหะปริมาณมาก เป็นสีเหลือง หรือสีเขียวคล้ำ
- หายใจผิดปกติ เช่น หายใจเร็วและสั้น เหมือนมีอาการเหนื่อย หายใจลำบาก หายใจมีเสียงวี๊ด หายใจครืดคราด หายใจหอบจนอกบุ๋ม หายใจแรงจนหน้าอกโป่ง
- ตัวเขียว สังเกตเห็นสีเขียวคล้ำบริเวณริมฝีปาก หรือปลายเล็บมือ เล็บเท้า
หากสังเกตว่า ลูกของคุณมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ไวรัส RSV ระบาด ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการอย่างละเอียดนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาการจะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
คลิก! อ่านบทความ : เครื่องพ่นละอองยา อุปกรณ์จำเป็นในการดำเนินชีวิตสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดโรค RSV สามารถรักษาให้หายได้ไหม?
หลายคนคงสงสัยว่า โรค RSV นี้ สามารถรักษาให้หายได้ไหม? ต้องบอกเลยนะคะ ว่าในปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาเฉพาะโรค หรือแม้แต่วัคซีนป้องกันเองก็ยังไม่มี นอกจากนี้ เด็กที่เคยป่วยเป็นโรคนี้แล้ว ก็จะสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เรื่อย ๆ ตลอดชีวิต แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว อาการก็จะน้อยลง
ดังนั้น วิธีรักษาในปัจจุบันนี้ ยังคงทำได้เพียงแค่รักษาตามอาการ เช่น หากมีไข้ ให้เช็ดตัว ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ พ่นยาขยายหลอดลม แต่ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็นเด็กเล็ก ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องพ่นละอองยา เพื่อช่วยในการให้ยา หรือรักษาเด็กที่มีอาการหอบหืด
นอกจากนี้ หากเด็กที่มีอาการรุนแรงมาก ๆ ต้องมีการใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย แต่ถึงแม้จะรักษาตามอาการทั่ว ๆ ไป แต่ถึงยังไง ก็ต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดนะคะ ไม่ควรรักษาเอง ส่วนในวัยผู้ใหญ่ หากป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่มักจะหายได้เองใน 1 – 2 สัปดาห์ ไม่น่ากังวลใจเท่าวัยเด็กค่ะ
RSV คือ โรคร้ายที่ป้องกันได้ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
เนื่องจากโรค RSV มักเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ดังนั้น การป้องกันโรคเหล่านี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ปกครองนะคะ โดยปฏิบัติ ดังนี้
- สวมหน้ากากอนามัย ทั้งเด็กเล็กและผู้ปกครอง เมื่อออกไปข้างนอก
- ควรล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ควรล้างมือทุกครั้ง ก่อนสัมผัสเด็ก
- หลีกเลี่ยงไปที่ชุมชนแออัด เนื่องจากเป็นสถานที่ที่อากาศการถ่ายเทไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ง่ายต่อการแพร่กระจาย และรับเชื้อโรค
- หากเด็กติดเชื้อ RSV ควรรักษาให้หายดีก่อน ไม่ควรไปโรงเรียน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้เด็กคนอื่น
- หมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่นของเด็กเป็นประจำ
- แยกอุปกรณ์และภาชนะต่าง ๆ ของเด็ก ไม่ควรใช้ร่วมกัน
- แนะนำให้เด็กทานอาหารที่มีประโยชน์ และถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ควรอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ใกล้ ๆ เด็ก เพราะหากเด็กเล็กสูดดมควันบุหรี่เข้าไป จะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส RSV หรือหากเป็นอยู่แล้ว จะมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น
- ในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเด็กมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นช่วงระบาดของโรคนี้
สรุป
โรค RSV เป็นโรคที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็ก เนื่องจากร่างกายที่บอบบาง จะทำให้เด็กเล็กติดเชื้อไวรัสนี้ได้ง่าย แถมยังมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น ผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่ ควรระมัดระวังบุตรหลานของท่านให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสร้ายนี้นะคะ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน และหน้าหนาว อย่าชะล่าใจเด็ดขาด หากมีอาการผิดปกติใด ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ
BED & MATTRESS PRODUCT
ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆพ.816/2563 *อ่านคำเตือนในฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้
จัดจำหน่าย บริษัท ฟาร์ ทริลเลียน จำกัด 73,75 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700