Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568 ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง?

easy e-receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568

         ช่วงต้นปีแบบนี้ หลายคนอาจกำลังตั้งตารอมาตรการลดหย่อนภาษีจากรัฐบาล เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2566 และ Easy E-Receipt ที่ใช้ในปี 2567 และสำหรับปีนี้รัฐบาลได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Easy E-Receipt 2.0” ช่วยลดหย่อนภาษีในปี 2568 ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท ทั้งมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากปีที่ผ่านมาอีกด้วย

Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568 แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างไร?

         Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568 เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย สำหรับบุคคลที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ยกเว้นนิติบุคคล) เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีกำลังซื้อ สามารถสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้ โดยนำจำนวนเงินที่ซื้อสินค้าและบริการ มาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจำนวนที่จ่ายจริง

         โดยสิทธิประโยชน์ที่กล่าวข้างต้น เหมือนกันทั้ง ช้อปดีมีคืน (2563-2566) , Easy E-Receipt (2567) และ Easy E-Receipt 2.0 (2568) แต่จะมีวงเงินลดหย่อนภาษี เงื่อนไขในการซื้อสินค้า และหลักฐานที่เอาไปใช้ลดหย่อนที่แตกต่างกันไปในแต่ละปีเท่านั้น

         กล่าวโดยสรุป ในปี 2568 จะแตกต่างจากเดิมในเรื่องของการแบ่งวงเงินลดหย่อน และเงื่อนไขการใช้ โดย Easy E-Receipt 2.0 ในปี 2568 จะได้วงเงินที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาทเท่าเดิม แต่จะเพิ่มการแบ่งการใช้วงเงินออกเป็น 2 ส่วน คือ 30,000 บาท สำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปตามที่กำหนด และวงเงินอีก 20,000 บาท สำหรับใช้จ่ายร้านวิสาหกิจชุมชน SMEs และร้านค้า OTOP ที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์

Easy E-Receipt (เก่า)

  • สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
  • ซื้อสินค้าหรือบริการที่กำหนด จากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) ให้ได้เท่านั้น
  • หากร้านค้าไม่จดทะเบียนภาษี จะต้องเป็นการซื้อสินค้าและบริการที่เป็นหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารทุกรูปแบบ หรือเป็นสินค้าจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ออกใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้เท่านั้น
  • ไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีหรือใบรับรูปแบบกระดาษได้

Easy E-Receipt 2.0 (ใหม่)

  • สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
    • 30,000 บาท : ซื้อสินค้าหรือบริการที่กำหนด จากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) ให้ได้เท่านั้น
    • 20,000 บาท : ซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และจากร้านวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยจะร้านจะต้องออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (e-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้เท่านั้น
  • หากร้านค้าทั่วไปที่ไม่จดทะเบียนภาษี จะต้องเป็นการซื้อสินค้าและบริการที่เป็นหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารทุกรูปแบบ โดยร้านจะต้องออกใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ได้เท่านั้น
  • ไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีหรือใบรับรูปแบบกระดาษได้
ซื้อสินค้า ALLWELL ออก E-Tax ได้นะ !

Easy E-Receipt 2.0 ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง?

         แม้จะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การช้อปสินค้าเพื่อเอามาลดหย่อนภาษีนั้น ก็ไม่ได้อิสระร้อยเปอร์เซนต์ ยังต้องช้อปภายใต้เงื่อนไขที่ทางรัฐบาลชุดนั้น ๆ กำหนดขึ้น อย่างในปีนี้ก็ได้ประกาศเงื่อนไขการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2568 ในมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ไว้ดังนี้

สินค้าและบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้

  1. สินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) เท่านั้น
  2. สินค้าและบริการที่กำหนด ได้แก่ หนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์หรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ทุกประเภท จากผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งสามารถออกใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น
  3. สินค้าและบริการจากร้านวิสาหกิจชุมชน หรือวิสาหกิจเพื่อสังคม รวมทั้งสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบรับในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น

สินค้าและบริการที่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้

Easy E-Receipt ห้ามซื้ออะไร

  1. สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
  2. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  3. ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าประปา
  4. ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  5. ค่าโทรศัพท์และค่าอินเทอร์เน็ต
  6. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  7. ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม และโฮมสเตย์
  8. ค่ารักษาพยาบาล ค่าศัลยกรรม ทองคำ บัตรกำนัล (Gift Voucher)
  9. ค่าสินค้าและบริการที่มีข้อตกลงนอกเหนือจากวันที่ 16 ม.ค. – 28 กุมภาพันธ์ 68

         โดยมาตรการ Easy E-Receipt นี้ จะต้องรอลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2568 (ช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.2569) โดยในขั้นตอนยื่นแบบแสดงรายการภาษี จะมีช่องที่ให้กรอกส่วนลดค่าลดหย่อนฯ ก็ให้กรอกตัวเลขมูลค่าสินค้าที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือสินค้าที่มีภาษี 7% มาบวกรวมกัน

Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568 ใช้หลักฐานอะไรบ้าง

  • ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) โดยจะต้องระบุ
    • ข้อมูลผู้ขาย
    • ชื่อ-นามสกุลของผู้ซื้อ
    • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (เลขบัตรประชาชน 13 หลัก) ของผู้ซื้อ
    • วันที่ รายการ และจำนวนเงินด้วย
  • ใบเสร็จรับเงิน ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยจะต้องระบุ
    • เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ขาย
    • ชื่อ ยี่ห้อ แบรนด์ ของผู้ขาย
    • เลขลำดับของเล่มและใบเสร็จรับเงิน
    • ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อ
    • วันเดือนปีที่ออกใบเสร็จรับเงิน
    • ชนิด ชื่อ จำนวน และราคาสินค้าที่ซื้อ
    • จำนวนเงิน
เช็กรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้จัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์

ใครที่มีสิทธิ์เข้าร่วม Easy E-Receipt 2.0 ได้บ้าง?

         มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ที่ถูกนำมาแทนช้อปดีมีคืน ก็มีเงื่อนไขที่ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน ผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้ จะต้องเป็นบุคคลที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2568 ที่จะเก็บในช่วงต้นปี 2569 เท่านั้น โดยจะได้รับการลดหย่อนภาษี ดังนี้

Easy E-Receipt 2.0 เช็คยอด

  • เงินได้ต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท (ได้รับการยกเว้นภาษี) ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
  • เงินได้ต่อปี 150,001 – 300,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 300,001 – 500,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 500,001 – 750,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 10,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 12,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 17,500 บาท

         และที่เหมือนกับมาตรการช้อปดีมีคืน คือผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่มีค่าลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จะไม่ได้สามารถใช้สิทธิ์ในมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ได้

สรุป Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 2568

         แม้มาตรการช้อปดีมีคืน จะจบไปแล้ว แต่ทางรัฐบาลชุดใหม่ก็ได้ออก Easy E-Receipt 2.0 ออกมาเพื่อช่วยลดหย่อนภาษี และกระตุ้นให้ประชาชนออกไปใช้จ่ายเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นสิทธิของประชาชนที่มีสิทธิตรงตามมาตรการ ควรจะได้รับนะคะ ดังนั้น รีบเช็กสิทธิ์ แล้วออกไปใช้จ่ายกันเยอะ ๆ นะคะ แต่ถึงอย่างไร การใช้จ่ายเงิน ก็ควรดูถึงความคุ้มค่า และประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เพื่อที่จะได้จัดสรรปันส่วนเงินได้อย่างเป็นระบบ แล้วจะไม่เกิดปัญหาภายหลังได้นะคะ

บทความอื่น ๆ ที่ควรรู้!

ใส่ความเห็น

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup