ช้อปดีมีคืน 2566 ลดหย่อนภาษี สูงสุด 40,000 บาท! ช้อปแบบไหนถึงจะได้ลดหย่อน?

ช้อปดีมีคืน 2566 ลดหย่อนภาษี รอบใหม่

         หลังจากสิ้นสุดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เมื่อต้นปี 2565 ไป ทางภาครัฐได้ทำการอนุมัติมาตรการช้อปดีมีคืน รอบใหม่ ปี 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2566 โดยมาตรการช้อปดีมีคืนรอบใหม่นี้ จะเริ่มใช้สิทธิ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2566 เป็นเวลา 46 วัน แต่จะมีเงื่อนไขอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

ช้อปดีมีคืน 2566

สารบัญ

ช้อปดีมีคืน 2566 ช้อปอย่างไรให้ได้ลดหย่อนภาษี

         ช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย สำหรับบุคคลที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ยกเว้นนิติบุคคล) เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีกำลังซื้อ สามารถสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้ โดยนำจำนวนเงินที่ซื้อสินค้าและบริการ มาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจำนวนที่จ่ายจริง ซึ่งรวมกันไม่เกิน 40,000 บาทต่อคน

ช้อปดีมีคืน รอบใหม่

สามารถใช้สิทธิ์ตามมาตรการช้อปดีมีคืนได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนก่อนใช้สิทธิ์ แต่ต้องมีใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบ เพื่อใช้ในการขอลดหย่อนภาษี

เงื่อนไขมาตรการช้อปดีมีคืน

  • ผู้ใช้สิทธิ์ ต้องซื้อสินค้ากับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบ จากการซื้อสินค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอลดหย่อนภาษี
  • ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถใช้สิทธิ์มาตรการนี้ได้
  • ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2566 ที่จะเก็บในช่วงต้นปี 2567 เท่านั้น
ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ต้องเป็นอย่างไร? คลิก!!

สินค้าและบริการอะไร ลดหย่อนภาษีได้และไม่ได้บ้าง?

         แม้จะมีมาตรการช้อปดีมีคืน แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถช้อปได้ทุกอย่างนะคะ มาดูกันว่าสินค้าและบริการอะไรบ้าง ที่ใช้ลดหย่อนภาษีทั้งได้ และไม่ได้ค่ะ

ช็อปดีมีคืน 2566

สินค้าและบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้

  • สินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่มีหน้าร้าน หรือร้านค้าออนไลน์ก็ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนภาษี VAT ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบให้ได้เท่านั้นนะคะ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร
  • หนังสือ ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์หรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ทุกประเภท (ยกเว้นหนังสือประเภทนิตยสารและหนังสือพิมพ์) ทั้งนี้ หากเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน จึงจะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้นะคะ
  • สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว โดยสามารถตรวจสอบร้านค้าได้ที่ otoptoday

วงเงินสูงสุดที่ลดหย่อนได้

         ช้อปดีมีคืน 2566 รอบใหม่นี้ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ถึง 40,000 บาท (รวม VAT) โดยแบ่งสิทธิ์ลดหย่อน ดังนี้

  • ค่าซื้อสินค้าหรือบริการ 30,000 บาทแรก จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบกระดาษ หรือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร
  • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ อีก 10,000 บาท จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น

ชอปดีมีคืน

สินค้าและบริการที่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้

  1. สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
  2. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  3. ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าประปา
  4. หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ทั้งกระดาษ และอิเล็กทรอนิกส์
  5. บริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม
  6. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  7. ค่าโทรศัพท์และค่าอินเทอร์เน็ต
ซื้อสินค้าสุขภาพจาก ALLWELL ลดหย่อนภาษีได้! พร้อมออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ Click!!!

ใครสามารถเข้าร่วมมาตรการ ช้อปดีมีคืน ได้บ้าง?

         มาตรการช้อปดีมีคืน ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนนะคะ ต้องเป็นบุคคลที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2566 ที่จะเก็บในช่วงต้นปี 2567 เท่านั้น โดยจะได้รับการลดหย่อนภาษีจากมาตรการช้อปดีมีคืน ดังนี้

ช้อปดีมีคืน คือ

  • เงินได้ต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท (ได้รับการยกเว้นภาษี) ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
  • เงินได้ต่อปี 150,001 – 300,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 300,001 – 500,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 500,001 – 750,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
  • เงินได้ต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
  • เงินได้ต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 10,500 บาท

         ส่วนผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่มีค่าลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จะไม่ได้สามารถใช้สิทธิ์ในมาตรการช้อปดีมีคืนได้ค่ะ

“ช้อปดีมีคืน” ต่างจาก “คนละครึ่ง” อย่างไร?

         หลายคนกำลังสงสัยว่า ช้อปดีมีคืน กับ คนละครึ่ง ต่างกันอย่างไร? มาตรการไหนดีกว่า? แบบไหนถึงจะเหมาะกับตัวเอง? ซึ่งช้อปดีมีคืนกับคนละครึ่ง มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้

ช้อปดีมีคืน

  1. มาตรการคนละครึ่ง เหมาะกับผู้ที่มักซื้อสินค้า จากร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ตลาด ร้านโชห่วย หาบเร่ แผงลอย (ต้องเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ) แต่มาตรการช้อปดีมีคืน จะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้จากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้เท่านั้น ซึ่งจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ เป็นส่วนใหญ่
  2. หากคำนวนเงินที่ได้รับคืนจากรัฐ มาตรการช้อปดีมีคืน รัฐสามารถจ่ายให้ได้สูงสุด 10,500 บาท ในขณะที่คนละครึ่ง รัฐจ่ายให้สูงสุด 150 บาทต่อวัน และ 3,000 บาทตลอดมาตรการ
  3. มาตรการคนละครึ่ง เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้กับทุกคน ขอเพียงแค่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในขณะที่ช้อปดีมีคืนต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น จึงจะใช้สิทธิ์ได้
  4. มาตรการคนละครึ่ง จะต้องใช้จ่ายผ่านแอพเป๋าตังเท่านั้น
ที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ

สรุป

         มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการที่กระตุ้นให้ประชาชน ออกไปใช้จ่ายเงิน ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่มีสิทธิ ตรงตามมาตรการ ควรจะได้รับนะคะ ดังนั้น รีบเช็กสิทธิ์ แล้วออกไปใช้จ่ายกันเยอะ ๆ นะคะ แต่ถึงอย่างไร การใช้จ่ายเงิน ก็ควรดูถึงความคุ้มค่า และประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เพื่อที่จะได้จัดสรรปันส่วนเงินได้อย่างเป็นระบบ แล้วจะไม่เกิดปัญหาภายหลังได้นะคะ

ใส่ความเห็น

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้" ... อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

Close Popup