แผลพุพองที่ปาก หรือ เริมที่ปาก คือการติดเชื้อไวรัสทั่วไปที่เกิดจากไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) แม้ว่าโรคเริมในช่องปากโดยทั่วไปจะไม่เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง แต่ก็อาจทำให้รู้สึกไม่สบายและลำบากใจสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เข้าใจสภาวะนี้ได้ดีขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงลักษณะทางกายภาพ ความรู้สึก อาการ ระยะลุกลาม และระยะเวลาของเริมในช่องปาก ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับลักษณะและประสบการณ์ของภาวะนี้
เริมที่ปาก อาการเริ่มต้นเป็นแบบไหน?
โรคเริม สามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย แต่มักพบบ่อยคือเริมที่ปาก โดยจะมีลักษณะเป็นแผลพุพอง แต่แผลที่ปากก็สามารถเกิดขึ้นมาจากโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีอาการน่าสงสัยว่าจะเป็นเริมที่ปากจริง ๆ ต้องลองสังเกตอาการดูค่ะ
อาการเริ่มต้นของโรคเริมที่ปาก
- มีลักษณะบวมแดง คัน และเริ่มมีตุ่มพองใสที่ปาก มักพบบริเวณขอบหรือบนริมฝีปาก
- บริเวณตุ่มพองจะรู้สึกปวด อักเสบ หรือแสบคัน
- ตุ่มน้ำจะเรียงตัวกันเป็นกลุ่ม และเริ่มแตกออกไปเรื่อยๆ
- มีอาการเหมือนไม่สบาย เช่น ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย มีไข้ ปวดหัว
เริมที่ปาก เกิดจากอะไร?
เริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HSV (Herpes Simplex Virus) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ HSV-1 ที่ทำให้เกิดเริมที่ปาก หรือบริเวณอื่น ๆ เหนือสะดือ และ HSV-2 ที่ทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ (นับเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง) หรือบริเวณอื่น ๆ ใต้สะดือลงมา โดยแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อไวรัสทั้งทางตรงและทางอ้อม
สาเหตุที่ทำให้เกิดเริมที่ปาก
- หากไม่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อ มักเกิดมาจากการที่ภูมิตก พักผ่อนน้อย ฮอร์โมนเปลี่ยน ฯลฯ
- สัมผัสผิวหนังผู้ติดเชื้อใกล้บริเวณที่มีเริม
- จูบหรือหอมแก้มผู้ติดเชื้อ
- ดื่มน้ำแก้ว หรือทาลิปสติกแท่งเดียวกัน
- การทำออรัลเซ็กส์ ทำให้เกิดเริมที่ปาก
เริมที่ปาก รักษาอย่างไรให้หายไวที่สุด
หากสงสัยว่าตนเองเป็นเริมที่ปาก แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคเริมที่ปากจริงไหม หากเป็นเริมที่ปากจริง แพทย์จะทำการจ่ายยารักษา โดยมีทั้งแบบกินและแบบทา นอกจากนี้ยังรักษาเริมเองที่บ้านได้ ดังนี้
วิธีรักษาเริมที่ปากให้หายเร็ว
- ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง บริเวณที่เป็นเริม
- ล้างแผลเริมด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำเกลือ และเช็ดให้แห้ง
- ไม่จับ แกะ เกา บริเวณแผลที่ปาก
- หากมีอาการไม่สบาย ให้รักษาตามอาการได้เลย เช่น มีไข้ปวดหัว ให้กินยา/เช็ดตัว ฯลฯ
- ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่บริเวณเริม นอกจากยารักษาเท่านั้น โดยกินและทายาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- งดกินอาหารเผ็ดร้อน หมักดอง แอลกอฮอล์ และของที่กระตุ้นการอักเสบที่แผล
ป้องกันเริมที่ปากไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
ผู้ที่เคยเป็นโรคเริมแล้ว จะรักษาไม่หายขาด เนื่องจากรักษาแล้วเชื้อจะไปหลบซ่อนที่ปมประสาท และรอเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ จึงจะแสดงอาการซ้ำ จึงทำให้ในบางคนเป็นเริมที่ปากซ้ำบ่อยและถี่ แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้ ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียง และไม่เครียด
- ล้างมือบ่อย ๆ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
- กินอาหารที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะที่ช่วยเสริมเรื่องภูมิคุ้มกัน
สรุป
โรคเริม เป็นโรคฉวยโอกาสชนิดหนึ่งที่รอเกิดขึ้นกับเราเมื่อร่างกายอ่อนแอ ไม่มีเกราะป้องกันภัยอย่างภูมิคุ้มกัน ซึ่งเมื่อเป็นแล้วมักจะสร้างความทรมาน และรักษาไม่หายขาดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถป้องกันไม่ให้เริมที่ปากกลับมาเป็นซ้ำได้ ด้วยการดูแลตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
พ.ย.