บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
อาการปวดหัว เกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวจี๊ด ๆ หรือปวดหัวตุ้บ ๆ ซึ่งมาจากสาเหตุที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับอาการปวดหัวเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ คอยกลับมากวนใจหลาย ๆ คนเป็นประจำ คงหนีไม่พ้นอาการ “ปวดหัวไมเกรน” ที่เราเคยได้ยินต่อ ๆ กันมาว่า ปวดหัวข้างเดียวคืออาการของไมเกรน แต่จริง ๆ แล้วจะใช่อาการไมเกรนหรือไม่นั้น ไปหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ
สารบัญ
- ปวดหัวไมเกรน อาการเป็นอย่างไร? ปวดหัวข้างเดียวใช่ไมเกรนหรือเปล่า?
- สังเกตสัญญาณเตือน! ก่อนไมเกรนจะกำเริบ
- พฤติกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหา ปวดหัวไมเกรน
ปวดหัวไมเกรน อาการเป็นอย่างไร? ปวดหัวข้างเดียวใช่ไมเกรนหรือเปล่า?
ใครที่มักปวดหัวเป็นประจำ โดยเฉพาะปวดหัวข้างเดียว แล้วสงสัยว่าใช่อาการปวดหัวไมเกรนหรือเปล่า เพราะเรามักได้ยินกันว่า อาการปวดหัวข้างเดียวคืออาการของไมเกรน แต่ต้องบอกเลยว่า จริง ๆ แล้วอาการปวดหัวข้างเดียว ไม่ใช่สัญญาณของโรคไมเกรนเสมอไปนะคะ แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคบางอย่าง เช่น โรคเครียด โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคต้อหินเฉียบพลัน โรคเนื้องอกในสมอง เป็นต้น
ดังนั้น หากมีอาการปวดหัวข้างเดียว หรือมีอาการปวดหัวแบบอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำและรุนแรง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดนะคะ อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวข้างเดียว ก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งในอาการเด่นของโรคไมเกรน ซึ่งพอจะสังเกตอาการปวดหัวไมเกรนเบื้องต้นได้ ดังนี้ค่ะ
ปวดหัวไมเกรน อาการเป็นอย่างไร?
- มักปวดหัวข้างเดียว อาจเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาสลับกันก็ได้ (แต่ในบางรายพบว่าปวดหัวทั้งสองข้างก็มี) ซึ่งมักปวดเช่นนี้เป็นประจำ
- ลักษณะการปวดจะเป็นจังหวะคล้ายเส้นเลือดเต้น หรือที่หลายคนเรียกว่าปวดหัวตุบ ๆ หรือปวดหัวตุ้บ ๆ เป็นระยะ มักเป็นบริเวณขมับ และอาจปวดร้าวมาที่กระบอกตาหรือท้ายทอย
- ส่วนใหญ่อาการปวดมักรุนแรงระดับปานกลางไปถึงรุนแรงมาก กินระยะการปวดหลายชั่วโมง หรืออาจเป็นวัน
- อาการปวดหัวมักเป็นจนไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย แม้กระทั่งการนั่ง เดิน หรือขึ้น-ลงบันได แต่อาการปวดหัวจะดีขึ้น ถ้าได้นอนนิ่ง ๆ อยู่ในห้องที่มืด สงบ และเย็น
- มักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ตาไม่สู้แสง ทนเสียงดังไม่ได้ เป็นต้น
สังเกตสัญญาณเตือน! ก่อนไมเกรนจะกำเริบ
สำหรับใครที่มีอาการเข้าข่ายว่าจะเป็นโรคไมเกรน หรือเป็นอยู่แล้ว เคยสังเกตไหมคะว่า ก่อนที่อาการไมเกรนจะกำเริบ มักจะมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นก่อน หรือหลังจากหายปวดแล้ว กลับพบอาการผิดปกติบางอย่าง (ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน) นั่นก็เพราะว่าโรคไมเกรนจะมีอาการแตกต่างกันไปตามระยะ ซึ่งสามารถสังเกตอาการก่อน-หลังเกิดไมเกรนได้ ดังนี้ค่ะ
อาการก่อน-หลังเกิดไมเกรน
1.อาการบอกเหตุ (1-2 วัน ก่อนเริ่มปวดหัวไมเกรน)
- รู้สึกปวดตึงต้นคอ
- หาวบ่อย ควบคุมการหาวไม่ได้
- อารมณ์เปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ
- อยากอาหารมาก กระหายน้ำ
- ปัสสาวะบ่อย แต่ไม่อุจจาระ (ท้องผูก)
2.อาการเตือน หรืออาการนำ (20-40 นาที ก่อนเริ่มปวดหัวไมเกรน)
- เห็นจุดแสงวาบเหมือนแฟลช หรือเป็นไฟกะพริบ ๆ แม้หลับตาก็ยังเห็นอยู่
- สายตาพร่ามัว มองเห็นภาพต่าง ๆ เป็นเส้นซิกแซก หรือรูปทรงผิดขนาด
- รู้สึกอ่อนแรง หรือรู้สึกเหมือนมีใครกำลังสัมผัสตัว
- พูดหรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก
- รู้สึกชาหรือเหมือนมีเข็มเล็ก ๆ มาจิ้มที่มือ แขน หรือเท้า
3.อาการหลังหายปวด
- รู้สึกสับสน มึนงง เวียนหัว
- หงุดหงิดง่าย
- หมดแรง อ่อนล้า
- มีความรู้สึกไวต่อแสงและเสียง
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติก็ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัดนะคะ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไมเกรนได้
พฤติกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหา ปวดหัวไมเกรน
ใครที่เป็นไมเกรนแบบเป็น ๆ หาย ๆ รู้หรือไม่คะว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราก็มีส่วนทำให้ไมเกรนกลับมากำเริบบ่อย ๆ เพราะโรคไมเกรนเกิดมาจากการกระตุ้นของสิ่งเร้า ทำให้ระบบประสาทตอบสนองและเปลี่ยนแปลงไวกว่าคนปกติ ใครที่เป็นไมเกรนอยู่ ลองมาเช็กกันว่า คุณมีพฤติกรรมแบบนี้หรือเปล่า!?
- เครียดบ่อย หรือเป็นโรคเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคไมเกรน และยังทำให้อาการไมเกรนที่เป็นอยู่แล้วกำเริบขึ้นมา หรือแย่ลงไปเรื่อย ๆ ด้วย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนหลับไม่เป็นเวลา
- กินข้าวไม่ตรงเวลา หรือกินไม่ครบ 3 มื้อ จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (เช็กระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด Click!!!)
- กินอาหารบางประเภทที่มีส่วนในการกระตุ้นอาการไมเกรน ในปริมาณที่มากเกินไป เช่น อาหารที่มีส่วนผสมของยีสต์ อาหารที่มีสารกันบูด-ผงชูรส อาหารแปรรูป และอาหารหมักดอง
- มีพฤติกรรมดื่มแอลกอฮอล์ ติดคาเฟอีนหรือน้ำอัดลม รวมถึงสูบบุหรี่
- อยู่ในสถานที่ที่มีแสงสว่างจ้า หรือมีเสียงดังมาก
- อากาศร้อนหรือหนาวเกินไป
- แพ้กลิ่นบางอย่าง เช่น น้ำหอม ดอกไม้ ควันบุหรี่
- ไมเกรนอาจกำเริบในช่วงก่อนมีหรือมีประจำเดือน
- เป็นโรคบางอย่างที่ไปกระตุ้นไมเกรน เช่น ไซนัส ออฟฟิศซินโดรม ฯลฯ
สำหรับใครที่เป็นโรคไมเกรน ลองสังเกตสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ดูนะคะ ถ้าหากคุณสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยไม่ให้ไมเกรนกลับมากำเริบบ่อย ยิ่งหากกินยาสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์เป็นประจำแล้ว อาการไมเกรนอาจจะหายจากคุณไปเลยก็ได้ค่ะ
แนะนำให้หมั่นสังเกตอาการไมเกรนของคุณเป็นประจำ ทั้งตำแหน่งที่ปวดในแต่ครั้ง ความถี่ที่เกิดไมเกรน ความรุนแรงในการปวด สิ่งกระตุ้น อาการทั้งก่อนและหลัง เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดนะคะ
สรุป
อาการปวดหัวไมเกรน เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของใครหลายคน ดังนั้น คุณควรต้องหมั่นสังเกตอาการปวดหัวของคุณอยู่เสมอ และรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและหาทางรักษา แม้อาการปวดหัวข้างเดียว จะเป็นลักษณะของอาการปวดหัวไมเกรนก็จริง แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นได้เช่นกันค่ะ อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ