แผลกดทับ เกิดจาก? พร้อม 6 วิธีดูแลแผลกดทับ ที่หลายคนมองข้าม

แผลกดทับ เกิดจาก ดูแลแผลกดทับ

       แผลกดทับ เกิดจาก แผลกดทับภาวะที่ไม่ควรมองข้าม แผลกดทับเกิดจากแรงกดทับที่ผิวหนังเป็นเวลานานทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีจนเกิดเนื้อเยื่อตาย หากปล่อยไว้อาจลุกลามเป็น แผลกดทับ 6 ระดับ และเสี่ยงแผลกดทับติดเชื้อ มารู้จักสาเหตุแผลกดทับ พร้อมวิธีป้องกันและดูแลอย่างถูกต้อง

แผลกดทับเกิดจาก? สาเหตุแผลกดทับ ทำไมแผลกดทับถึงเกิดขึ้น ?

      แผลกดทับ เกิดจาก แรงกดทับที่กระทำต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อเป็นเวลานาน ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดลดลงจนเกิดความเสียหายของเนื้อเยื่อและเกิดเป็นแผลเปิดขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องนอนหรือนั่งเป็นเวลานานโดยไม่มีการขยับตัว เช่น ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว

สาเหตุแผลกดทับ แผลกดทับ เกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่:

  • แรงกดทับ (Pressure) เมื่อร่างกายถูกกดทับที่จุดเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ผิวหนังได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของแผลกดทับระดับต่างๆ
  • แรงเสียดสี (Friction) แผลกดทับ เกิดจากการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับพื้นผิว เช่น ที่นอน หรือเสื้อผ้า ทำให้ผิวหนังเกิดการถลอกและเกิดแผลกดทับอาการต่างๆ
  • แรงเฉือน (Shear) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขยับหรือเลื่อนตัวไปมา ส่งผลให้เนื้อเยื่อด้านในถูกดึงรั้งและเสียหาย ซึ่งอาจพัฒนาเป็นแผลกดทับติดเชื้อ
  • ความชื้นสะสม (Moisture) ผิวหนังที่ชื้นจากเหงื่อ ปัสสาวะ หรืออุจจาระ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ รักษาได้ยากขึ้น

แผลกดทับ เกิดจาก ดูแลแผลกดทับ แผลกดทับ 6 ระดับ

 แผลกดทับมีกี่ระดับ ? เรียนรู้ระดับแผลกดทับ 6 ระดับ

      แผลกดทับ 6 ระดับ แบ่งตามความรุนแรง  ตั้งแต่ระดับที่อาการยังไม่รุนแรงไปจนถึงระดับที่มีเนื้อเยื่อตายและกระดูกได้รับผลกระทบ การทำความเข้าใจแผลกดทับแต่ละระดับจะช่วยให้ผู้ดูแลสามารถให้การรักษาแผลกดทับ ได้อย่างเหมาะสม และเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลกดทับใหม่

ระดับที่ 1: แผลกดทับระยะแรก

  • ผิวหนังมีรอยแดง แต่ยังไม่มีแผลเปิด
  • อาจมีอาการบวมและรู้สึกเจ็บเมื่อกดลงไป
  • การดูแลแผลกดทับ ระดับนี้สามารถป้องกันการลุกลามได้โดยการเปลี่ยนท่าทางบ่อยๆ และใช้อุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ

ระดับที่ 2: แผลกดทับที่มีการลอกของผิวหนัง

  • ผิวหนังเริ่มลอกออกหรือเกิดตุ่มพองคล้ายแผลถลอก
  • มีการเปิดของผิวหนังชั้นบน ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ควรดูแลแผลกดทับ โดยการทำแผลให้สะอาดและหลีกเลี่ยงแรงกดทับเพิ่มเติม

ระดับที่ 3: แผลกดทับที่ลึกถึงชั้นไขมัน

  • แผลเริ่มลึกลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
  • อาจมีหนองหรือของเหลวไหลออกจากแผลกดทับ
  • จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ เพื่อลดความเสี่ยงของแผลกดทับติดเชื้อ

ระดับที่ 4: แผลกดทับที่ลึกถึงกล้ามเนื้อหรือกระดูก

  • แผลลึกมากจนเห็นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
  • มีการอักเสบรุนแรงและอาจมีเนื้อตาย
  • ต้องได้รับการรักษาแผลกดทับ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอาจต้องใช้การผ่าตัด

ระดับที่ 5: แผลกดทับที่มีการทำลายเนื้อเยื่อรุนแรง

  • มีเนื้อตายเป็นบริเวณกว้าง สีดำคล้ำ
  • แผลกดทับอาการรุนแรง และอาจเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรง
  • แผลกดทับรักษา โดยใช้วิธีการผ่าตัดนำเนื้อตายออก

ระดับที่ 6: แผลกดทับที่เกิดการติดเชื้อรุนแรง

  • มีอาการอักเสบขั้นรุนแรง หนอง และมีกลิ่นเหม็น
  • อาจเกิดการแผลกดทับติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด
  • ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะและการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน

แผลกดทับ เกิดจาก แผลกดทับ ป้องกัน แผลกดทับ รักษา

6 วิธีดูแลแผลกดทับ ที่หลายคนอาจมองข้าม

     แผลกดทับเกิดจาก การนอนหรือการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่มีการเปลี่ยนท่าทาง พบมากในผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายได้จำกัด หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม แผลกดทับติดเชื้อ อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเข้าใจวิธี ดูแลแผลกดทับ อย่างถูกต้อง รวมถึงการใช้อุปกรณ์ที่ช่วยลดแรงกดทับ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

วิธีดูแลแผลกดทับอย่างถูกต้อง

1. ใช้อุปกรณ์ป้องกันและดูแลแผลกดทับ

  • ที่นอนป้องกันแผลกดทับ: ที่นอนลมหรือที่นอนออกแบบพิเศษที่ช่วยกระจายน้ำหนักร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ลดแรงกดทับเฉพาะจุดและเพิ่มการระบายอากาศ เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อและป้องกัน แผลกดทับติดเชื้อ
  • หมอนรองและเบาะรองนั่ง: ช่วยลดแรงเสียดสีและแรงกดทับบริเวณสะโพกและก้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน
  • แผ่นรองกันเสียดสี: ป้องกันการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับพื้นผิวแข็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ แผลกดทับ เกิดจาก การเสียดสีและแรงกดทับต่อเนื่อง
  • วัสดุปิดแผลชนิดพิเศษ: ใช้เพื่อรักษาและป้องกันแผลกดทับเมื่อเกิดขึ้นแล้ว โดยช่วยรักษาความชุ่มชื้นและลดการติดเชื้อ

2. ทำความสะอาดแผลเป็นประจำ

  • ล้างแผลกดทับด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่แพทย์แนะนำ
  • เปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวันเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย

3. ใช้ยารักษาแผลกดทับ

  • ทายาปฏิชีวนะเพื่อลดความเสี่ยงของ แผลกดทับติดเชื้อ
  • หากแผลลึกหรือมีอาการอักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

4. ลดแรงกดทับบริเวณแผล

  • เปลี่ยนท่าทางของผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกัน แผลกดทับระดับ ต่างๆ
  • ใช้เบาะรองหรือที่นอนลมเพื่อลดแรงกด

5. ดูแลสุขอนามัยของผิวหนัง

  • ทำความสะอาดร่างกายให้แห้งและสะอาดเสมอ
  • ใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวเพื่อป้องกันการแห้งแตก

6. โภชนาการที่ดีช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

  • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไข่ และถั่ว
  • รับวิตามินซีและสังกะสีเพื่อช่วยเร่งการฟื้นฟูแผลกดทับ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง

อุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ ลดความเสี่ยงแผลกดทับติดเชื้อ

        การใช้อุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ เป็นวิธีสำคัญในการลดแรงกดทับและป้องกันการเกิดแผลกดทับติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีการเคลื่อนไหวจำกัดหรือผู้ป่วยติดเตียง การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยกระจายน้ำหนักร่างกายและลดแรงกดที่จุดเดียว ซึ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดโอกาสที่ แผลกดทับ เกิดจาก แรงกดทับต่อเนื่อง

ที่นอนโฟมป้องกันแผลกดทับ ยี่ห้อไหนดี? จะซื้อทั้งที เลือกให้ดีระวังโดนหลอก!!!

สรุป แผลกดทับเกิดจากอะไร? รู้แล้วดูแลได้ก่อนปัญหาลุกลาม

        แผลกดทับเกิดจากแรงกดที่ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน ส่งผลให้เซลล์ตายและเสี่ยงติดเชื้อ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น แผลกดทับ 6 ระดับ ตามความรุนแรง การใช้ อุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับ เช่น ที่นอนป้องกันแผลกดทับและอุปกรณ์เสริม ช่วยลดแรงกดทับและความเสี่ยงติดเชื้อ การ ดูแลแผลกดทับ และเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วย ป้องกันแผลกดทับ และส่งเสริมการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้ดีขึ้น 

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup