บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ดัชนีมวลกายที่เหมาะสม และ รูปร่างที่สมส่วนยังคงเป็นค่านิยมความงามของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย รวมไปถึงทุกชนชาติอีกด้วย จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่หลาย ๆ ท่านต้องการรักษารูปร่างที่อ้วนหรืออวบเกินไปให้กลับมาผอมบางหุ่นดี ซึ่งวิธีที่หลาย ๆ ท่านนิยมก็คือ การกินกาแฟลดน้ำหนัก แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าได้ผลจริงไหม เป็นอันตรายหรือไม่ซึ่งบทความนี้จะมาตอบให้คุณได้หายสงสัยกัน
สารบัญ
- กินกาแฟลดน้ำหนัก ได้ผลจริงไหม?
- วิธีกินกาแฟลดน้ำหนักให้เห็นผล!
- กินกาแฟลดน้ำหนัก ก็มีผลเสียที่ควรระวังนะ!
กินกาแฟลดน้ำหนัก ได้ผลจริงไหม?
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มีการพิสูจน์แล้วว่ากินกาแฟลดน้ำหนักได้จริง โดยมาจากการเผาผลาญพลังงานของร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งพลังงานเหล่านี้นับเป็นพลังงานที่เกินกว่าความจำเป็นของร่างกาย หากไม่ได้รับการเผาผลาญก็จะกลายไปเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ และนำไปสู่ความอ้วน และรูปร่างที่ไม่สมส่วนได้ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจาก
1. องค์ประกอบภายในกาแฟ
สารที่ทำให้กาแฟลดความอ้วนได้ก็คือ คาเฟอีน ซึ่งคาเฟอีนมีฤทธิ์ไปกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล นำไปสู่การเผาผลาญพลังงานของร่างกายที่ดีขึ้น (ตามงานวิจัยของ University of Nottingham) จึงมีผลช่วยให้น้ำหนักลดลงได้มากถึง 10%
2. ความอยากอาหารที่ลดน้อยลง
การกินกาแฟลดน้ำหนัก ทำให้ความอยากอาหารที่ลดน้อยลงในแต่ละมื้อ และในแต่ละวัน จึงนับเป็นการควบคุมปริมาณของความอยากทั้งอาหารและของหวานลง ซึ่งเป็นการช่วยลดสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วน รูปร่างไม่สมส่วน หรือ โรคเบาหวานได้อีกด้วย
3. คาเฟอีนในกาแฟ
ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และ การทำงานของหัวใจ ซึ่งทำให้เกิดความสดชื่น แจ่มใส ความกระปรี้กระเปร่าในระหว่างวัน ทำให้เกิดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อมีการทำกิจกรรมก็เกิดการใช้พลังงาน เมื่อพลังงานถูกนำไปใช้ก็ไม่เกิดการสะสมพลังงานในรูปไขมันตามส่วนไม่พึงประสงค์ของร่างกาย จึงช่วยให้ร่างกายเกิดความสมส่วนมากกว่าเดิม
Click! กินคีโต ลดน้ำหนักได้จริงไหม?วิธีกินกาแฟลดน้ำหนักให้เห็นผล!
จากข้างต้นแม้เราจะสามารถกล่าวได้ว่า การกินกาแฟช่วยลดน้ำหนักได้จริง แต่วิธีนี้ก็อาจใช้ไม่ได้เสมอไปสำหรับทุกท่าน ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากหลาย ๆ ท่านยังคงไม่ทราบเทคนิคการดื่มกาแฟเพื่อลดน้ำหนักที่เห็นผล บทความนี้จึงมาแนะนำสำหรับทริคดี ๆ ทำได้ง่าย ๆ ที่หลายท่านอาจมองข้ามไปจนท้อใจที่จะใช้วิธีกินกาแฟลดน้ำหนัก ซึ่งสามารถทำตามได้ดังนี้
1. ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการดื่มกาแฟลดน้ำหนัก
1.1 การกินกาแฟตอนเช้าลดความอ้วน เช้าในที่นี้คือ ช่วงเวลา 09.30 – 11.30 น. ซึ่งสอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตของร่างกายที่มีการหลั่งของฮอร์โมนคอร์ติซอลลดน้อยลง ร่างกายของเราจึงขาดความกระปรี้กระเปร่า และขาดสมาธิในการทำงาน หากดื่มกาแฟในช่วงเวลาดังกล่าว คาเฟอีนในร่างกายก็จะช่วยไปจูนระบบประสาทส่วนกลางให้กลับมากระปรี้กระเปร่าและใช้พลังงานในการทำกิจกรรมที่เพิ่มมากขึ้น
1.2 การกินกาแฟหลังการรับประทานอาหารเที่ยงเป็นเวลาครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ซึ่งควรเป็นกาแฟร้อน การกินกาแฟร้อนในช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้เกิดความอยากในการดื่มหรือรับประทานอาหารน้อยลง จึงเป็นการช่วยลดความอยากดื่มน้ำหวาน หรือ การบริโภคขนมขบเคี้ยวในช่วงบ่ายของวัน
คำเตือน สำหรับช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการกินกาแฟลดน้ำหนักก็คือ ช่วงเวลาหลัง 16.00 น. เพราะไม่เพียงไม่ช่วยลดน้ำหนัก ยังทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ และเป็นผลเสียต่อสุขภาพตามมา
2. ประเภทของกาแฟ
เมื่อคุณตั้งใจกินกาแฟเพื่อลดน้ำหนัก คุณก็ควรมองข้าม หรือ งดใส่ใจในส่วนของรสชาติ ที่มักจะมาจากการเติมน้ำตาล หรือ ครีมเทียม หรือ นมสด ซึ่งล้วนทำให้เกิดความอ้วน หรือ น้ำตาลสะสมตามมาทั้งสิ้น ดังนั้นชนิดของกาแฟที่เหมาะสมสำหรับการลดน้ำหนักก็คือ การดื่มกาแฟดําลดความอ้วน
กินกาแฟลดน้ำหนัก ก็มีผลเสียที่ควรระวังนะ!
การกินกาแฟ อาจมีผลดีต่อการลดน้ำหนัก ทว่าในส่วนของข้อควรระวังในการกินกาแฟก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟหรือกินกาแฟเพื่อลดน้ำหนักในทุก ๆ วัน บทความนี้จะพาไปดูกันว่า ข้อควรระวังในการกินกาแฟนั้นมีอะไร และมันจะส่งผลเสียใดต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ดังนี้
1. ควรกินกาแฟควบคู่ไปกับการบริโภคอาหารอื่น ๆ
และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกินกาแฟในช่วงเวลาที่ท้องว่าง เพราะกาแฟจะเพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ การที่คุณกินกาแฟในช่วงท้องว่างจึงไม่ช่วยให้คุณมีน้ำหนักที่ลดลง หรือ รูปร่างที่สมส่วน แต่กลับทำให้คุณเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระเพาะแทน
2. ไม่ควรบริโภคกาแฟเกินวันละ 3 แก้ว
สิ่งอะไรที่ทำมากจนเกินไปไม่ใช่ว่าะส่งผลดีเสมอไป เช่นเดียวกันกับการกินกาแฟในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะมันก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในหลาย ๆ ด้านเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
2. 1 ความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน จากการที่แคลเซียมถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ซึ่งเมื่อเราดื่มกาแฟเข้าไป เรามักจะเกิดการปัสสาวะบ่อย ๆ เมื่อเราปัสสาวะบ่อย เราก็จะสูญเสียแคลเซียมมากกว่าปกติตามไปด้วย
2. 2 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง การกินกาแฟมากเกินไปก็ทำให้ความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นไปอีก
3. ไม่ควรบริโภคกาแฟควบคู่ไปกับอาหารเหล่านี้
- อาหารที่มีธาตุเหล็ก
เพราะสารแทนนินในกาแฟจะทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมลดลงมาก เช่น ธาตุเหล็กจากอาหารประเภทพืชผัก ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าว ไข่แดง หรือนม หากต้องการให้ธาตุเหล็กดูดซึมได้ดีขึ้น ควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินเอสูงคู่กัน เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว มะละกอ มะม่วงสุก ไข่ ฟักทอง เป็นต้น
- แอลกอฮอล์
หลายคนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมีฤทธิ์เข้าไปกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และยังช่วยขับปัสสาวะออกมาด้วย ในกรณีที่รับประทานเข้าไปพร้อมกันเกินขนาด จะทำให้ผู้ดื่มมีนเมามากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
- อาหารเสริมแคลเซียม
- วิตามินชนิดต่าง ๆ
- ยาคุมกำเนิด
- ยาขยายหลอดลม
- ยาในกลุ่มต้านเชื้อรา
- ยารักษาโรคเบาหวาน
- ยารักษาจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ หรือการปวดเรื้อรัง
สรุป
การกินกาแฟลดน้ำหนักจัดเป็นหนึ่งวิธีการที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง ทั้งนี้ก็ต้องกินกาแฟลดน้ำหนักในปริมาณและช่วงเวลา รวมถึงชนิดของกาแฟที่เหมาะสมด้วย แต่การกินกาแฟลดความอ้วนก็ไม่จัดเป็นการลดน้ำหนักหรือการลดความอ้วนที่ถาวร คุณจึงควรควบคุมปริมาณอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การลดน้ำหนักของคุณเป็นการลดน้ำหนักอย่างถาวรและสุขภาพดี