บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
สถานการณ์การระบาดของ โรคโควิด-19 ยังไม่ทันคลี่คลาย ก็เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทยขึ้นอีกครั้ง ปัจจุบันประเทศไทย มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 5,762 (22.ธ.ค.63) เสียชีวิตไปแล้ว 60 คน ซึ่งในจำนวนเหล่านี้ ยังมีประชากรอีกหลายคน ที่ยังไม่ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ นั่นหมายถึงว่า อาจจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่าจำนวนเหล่านี้ คุณเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า? เช็กเลย ว่าอาการที่คุณเป็นอยู่ไม่ใช่ อาการโควิด – 19?!?
สารบัญ
- ทำความเข้าใจให้ชัด โควิด-19 คืออะไร?
- สัญญาณเตือน อาการโควิด เป็นแบบนี้ติดหรือยังนะ?
- รวมอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 จาก ALLWELL มีไว้รับมือได้ชัวร์!
- ใครบ้างที่เข้าเกณฑ์ตรวจโควิด–19 ฟรี!
ทำความเข้าใจให้ชัด โควิด-19 คืออะไร?
การกลับมาระบาดของ โรคโควิด–19 เริ่มขยายตัวเป็นวงกว้าง จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่เริ่มการระบาดครั้งแรก ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อกว่า 78.6 ล้านคนทั่วโลก (23 ธ.ค.63) ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.73 ล้านคน เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย ดังนั้น เรามาทำความรู้จักโรคนี้ให้ชัด เพื่อที่จะได้ป้องกันตนเองจากโรคร้ายนี้กันค่ะ
![]()
ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) คือ ไวรัสชนิดหนึ่งที่ถูกพบครั้งแรก เมื่อปี 1960 (พ.ศ.2503) เรียกได้ว่าถูกค้นพบมากว่า 60 ปีแล้วล่ะค่ะ โดยชื่อโคโรนา มาจากรูปร่างลักษณะของเชื้อไวรัสที่คล้ายกับมงกุฎ (คำว่า Corona มาจากภาษาละติน แปลว่า มงกุฎ) ซึ่งเจ้าไวรัสโคโรนานี้ สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์เลยค่ะ
ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในตอนนี้ เป็นสายพันธุ์ที่ 7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่ยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน พบครั้งแรกเมื่อปี 2019 (พ.ศ.2562) ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ปัจจุบันโรคที่เกิดจากไวรัสนี้ ถูกเรียกว่า “COVID-19” (โควิด-19) ซึ่ง CO ย่อมาจาก Corona , VI ย่อมาจาก Virus , D แทน Disease และ 19 มาจากปีที่ค้นพบเชื้อไวรัสนี้ครั้งแรก คือปี 2019 ค่ะ
โรคโควิด-19 ติดต่อได้อย่างไร?
เชื้อไวรัสโคโรนา สามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คน ผ่านจากการไปสัมผัสหรือกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อไวรัส และยังสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน ได้ด้วยการสูดเอาเชื้อไวรัสเข้าร่างกาย ที่มาจากการไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ ซึ่งเมื่อเชื้อไวรัสนี้เข้าสู่ร่างกาย จะมุ่งหน้าเข้าไปที่ลำไส้ ม้าม และปอด โดยมีระยะฟักตัว 2 – 14 วัน จากนั้นก็ยังคงแพร่กระจายโรคต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ
รู้หรือไม่?!? ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพียง 1 คน สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ได้เฉลี่ย 2 – 4 คนเลยนะ!
ใครเสี่ยงบ้าง?
จริง ๆ โรคโควิด-19 สามารถติดต่อได้ทุกคนเลยนะคะ แต่จะมีคนบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ดังนี้ค่ะ
- เด็กเล็ก
- ผู้สูงอายุ (ทำไมผู้สูงอายุถึงเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าวัยอื่นๆ Click!!!)
- คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- คนที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือกินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่
- ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ และไปในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ
- ผู้ที่ต้องทำงาน หรือรักษาผู้ป่วยโควิด-19
- ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี่ แอร์โฮสเตส เป็นต้น
จากการสำรวจสถิติผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่พบมา คือ 1 เดือน และมากที่สุด คือ 97 ปี จะเห็นได้ว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อได้ทุกเพศทุกวัยเลยล่ะค่ะ
สัญญาณเตือน อาการโควิด เป็นแบบนี้ติดหรือยังนะ?
หากใครที่กำลังกังวลว่าตัวเองติดเชื้อหรือยัง โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ หรือไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมา ให้ลองกักตัว ไม่พบปะผู้คน แล้วลองสังเกตอาการตนเองเป็นระยะเวลา 14 วัน หลังจากไปสัมผัสกับผู้ป่วยหรือไปในพื้นที่เสี่ยงดูนะคะ แต่ถึงแม้ไม่มีความเสี่ยง ก็ให้สังเกตอาการผิดปกติของตนเองได้ ดังนี้ค่ะ
![]()
ภาพและข้อมูลจาก : โรงพยาบาลศิครินทร์
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้สำรวจและสรุปอาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นเปอร์เซ็นต์ ดังนี้ค่ะ
- 88% มีไข้ สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
- 68% ไอแห้ง ๆ
- 38% ไม่มีเรี่ยวแรง
- 33% ไอแบบมีเสมหะ
- 18% หายใจลำบาก หายใจเหนื่อยหอบ
- 14% เจ็บคอ
- 14% ปวดหัว
- 14% ปวดกล้ามเนื้อ
- 11% หนาวสั่น
- นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ แต่จะพบได้น้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คัดจมูก ท้องเสีย
หากสำรวจแล้วพบว่าตนเองมีอาการดังนี้ โดยเฉพาะอาการหายใจลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโดยด่วนนะคะ ระหว่างนั้นงดการสัมผัสและใกล้ชิดกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ค่ะ
สงสัยว่าเสี่ยงหรือเปล่า? ลองทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 คลิกเลย!บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
เรียกได้ว่าโรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ที่น่ากลัวมากเลยล่ะค่ะ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่รักษาโรคนี้ได้ ดังนั้น ต้องดูแลตนเองให้ดีนะคะ เรามาดูกันว่า วิธีป้องกันโควิดว่ามีอะไรบ้าง? (รวมวิธีป้องกันโควิด-19 และป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 ได้จริง Click!!!)
![]()
- สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อ และแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่น (วิธีดูหน้ากากอนามัยปลอม ดูอย่างไร แบบไหนที่ได้มาตรฐาน? Click!!!)
- ควรทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น
- หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ และใช้เจลแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค (รวมสูตรทำน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส โควิด-19 ง่ายๆ ไม่ใช้แอลกอฮอล์ Click!!!)
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และงดเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น
- หมั่นสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงหรือมี อาการโควิด-19 ให้หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่น และรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
รวมอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 จาก ALLWELL มีไว้รับมือได้ชัวร์!
โควิด-19 เป็นโรคร้ายที่น่ากลัวมากเลยใช่ไหมล่ะคะ? แค่ก้าวออกจากบ้านเท่านั้นก็เริ่มเสี่ยงแล้ว แต่จะห้ามไม่ให้ออกจากบ้านเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุนั้น เราจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เราป้องกันโรคร้ายนี้ได้
![]()
1.เครื่องวัดความดัน
ช่วงโควิดแบบนี้ความดันเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะช่วงที่เราป่วยอาจทำให้ค่าความดันสูงหรือต่ำจนเป็นอันตราย แต่ค่าความดันนั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงจำเป็นจะต้องมีเครื่องวัดความดันโลหิตที่ใช้งานง่ายๆ ติดบ้านไว้สักเครื่องค่ะ ยิ่งก่อนไปฉีดวัคซีนโควิด แนะนำให้ตรวจความดันก่อนออกจากบ้าน เพราะความดันสูงไม่สามารถฉีดวัคซีนได้นะคะ ดังนั้น มีไว้อุ่นใจกว่าค่ะ
เครื่องวัดความดัน Allwell ใช้งานง่าย พกพาสะดวก อุปกรณ์ครบชุด2.ปรอทวัดไข้
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของอุณหภูมิ เพราะอาการหลัก ๆ ของโรคโควิด-19 คือระดับอุณหภูมิที่ขึ้นสูง กว่า 37.5 องศา แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเรามีไข้เกิน 37.5 องศาหรือยัง? หากเอามือทาบหน้าผากดู ก็คงบอกเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย อย่างปรอทวัดไข้ หรือเทอร์โมมิเตอร์ เข้ามาช่วยบอกตัวเลขที่แม่นยำให้กับเราค่ะ
ALLWELL มีเครื่องวัดอุณหภูมิดิจิตอล รุ่น T14 บอกเลยว่าใช้งานได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ แค่กดปุ่ม แล้วรอเสียงเตือน เเพียง 10 วินาที ก็รู้ผลแล้วล่ะค่ะ เมื่อวัดเสร็จยังบันทึกผลการวัดครั้งล่าสุดได้ด้วยนะคะ ด้วยตัวเครื่องที่เป็นดิจิตอล จึงปลอดจากสารปรอทที่เป็นอันตราย ตัววัสดุเองก็แข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ๆ ส่วนปลายโค้งงอได้ เด็กเล็ก ๆ ก็ใช้ได้ไม่อันตรายแน่นอนค่ะ อุปกรณ์สำคัญแบบนี้ควรมีติดบ้านไว้สักเครื่องนะคะ
คลิก อ่านบทความ : ปรอทวัดไข้ แบบแก้ว VS แบบดิจิทัล ใช้แบบไหนถึงจะดี?3.เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบอินฟราเรด
สำหรับใครที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านหลายคน หรือต้องการวัดอุณหภูมิ เพื่อคัดกรองคนก่อนเข้าบ้าน เข้าออฟฟิศ หรือร้านค้า การจะใช้ปรอทวัดไข้กับทุกคนก็คงจะรวดเร็วไม่พอ อีกทั้งยังให้คนจำนวนมากใช้ปรอทวัดไข้อันเดียวกันทุกคนก็คงเป็นไปได้ แต่จะให้ซื้อหลาย ๆ เครื่อง ก็คงวุ่นวายเกินจำเป็น แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?
ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ ALLWELL มีเครื่องวัดอุณหภูมิ แบบอินฟราเรด รุ่น E122 วัดอุณหภูมิได้โดยไม่ต้องสัมผัสผิวหรือสัมผัสตัวกันเลยล่ะค่ะ แค่นำตัวเครื่องจ่อไปที่หน้าผาก เพียง 1 วินาทีก็รู้ผลแล้วค่ะ อีกทั้งยังมีหน้าจอ LED ที่เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ ทั้งอุณหภูมิปกติ มีไข้ต่ำหรือสูง ก็ตรวจจับได้หมดเลยค่ะ และยังมีเสียงแจ้งเตือนหากผลที่วัดได้ผิดปกติ ทำให้ไม่ต้องจ้องตัวเลขนาน ๆ แค่เพียงสังเกตสีหน้าจอและฟังเสียงแจ้งเตือนก็รู้ผลแล้วล่ะค่ะ นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิต ยังได้รับมาตรฐาน ISO 13485:2016, CE และทดสอบตามมาตรฐาน EN60601-1-2 ไว้ใจได้อย่างแน่นอนค่ะ
คลิก อ่านบทความ : เครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผาก แบบอินฟราเรดใช้คัดกรองโควิด-19 ได้จริงไหม?4.เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด
ในปัจจุบัน มีการพบว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็น กว่าจะรู้ตัวอีกทีอาการก็รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตแล้ว แต่จากผลการวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่มักมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการผิดปกติที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถตรวจสอบได้ด้วยการใช้ เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด
![]()
เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ALLWELL สามารถใช้ติดตามระดับออกซิเจนในกระแสเลือด ค่าการไหลเวียนเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ จึงสามารถนำมาใช้ติดตามและเฝ้าระวังอาการโควิด-19 ได้ เห็นได้จากปัจจุบันตามโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ ก็ได้มีการนำเครื่องวัดออกซิเจนนี้ไปติดตามอาการผิดปกติในผู้ป่วยโควิดด้วยค่ะ ซึ่งเครื่องวัดออกซิเจนรุ่นนี้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล จึงมีความแม่นยำสูง มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุดเลยค่ะ
ใครบ้างที่เข้าเกณฑ์ตรวจโควิด – 19 ฟรี!
ในปัจจุบัน มีหลาย ๆ โรงพยาบาลที่รับตรวจหาเชื้อโควิด-19 แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเลยล่ะค่ะ แต่สำหรับคนบางกลุ่มสามารถเข้ารับการตรวจโควิดฟรีด้วยนะคะ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้ค่ะ
![]()
1.มีอาการป่วย (ข้อใดข้อหนึ่ง)
- ไอ
- มีน้ำมูก
- เจ็บคอ
- หายใจเร็วเหนื่อย หายใจลำบาก
- เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ
- จมูกไม่ได้กลิ่น หรือลิ้นไม่รับรส
- มีไข้ อุณหภูมิร่างกาย 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
2.เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบที่มีประวัติเสี่ยง (ข้อใดข้อหนึ่ง)
- ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ที่อาจจะหรือเป็นโรคโควิด 19
- เป็นบุคลากรทางการแพทย์
- รักษาอาการปอดอักเสบแล้วไม่ดีขึ้น
- เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้
ถ้ามีเกณฑ์ตรงกับข้อ 1 หรือ 2 หรือทั้งสองข้อ ให้สังเกตตนเอง ย้อนหลัง 14 วันก่อนวัน ก่อนเริ่มป่วย ว่าประวัติเสี่ยงหรือไม่
3.เป็นผู้มีประวัติเสี่ยง (ข้อใดข้อหนึ่ง)
- เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- ประกอบอาชีพที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรค หรือพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง
- สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยัน
- เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน
หลังจากสำรวจตนเองตามข้างต้นแล้ว จะมีผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ
- หากมีเกณฑ์ทั้งข้อ 1 และ 3 หรือทั้งสามข้อ : เข้าเกณฑ์ตรวจโควิด-19 ฟรี สามารถเข้าตรวจในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ที่มี (บัตรทอง ประกันสังคม ราชการ)
- หากมีเกณฑ์ข้อ 1 แต่ไม่มีข้อ 3 : ให้รักษาตามอาการก่อน แต่หากมีอาการนาน 48 ชั่วโมงแล้ว โดยที่ไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์
- หากมีเกณฑ์ข้อ 3 : ให้กักตัว 14 วัน เพื่อดูว่ามีอาการตาม ข้อ 1 หรือไม่ แต่ถึงแม้จะยังไม่มีอาการ ก็สามารถตรวจหาเชื้อโควิดได้ฟรี
- หากไม่มีข้อใดข้อหนึ่ง : ไม่เข้าเกณฑ์การตรวจโควิดฟรี
![]()
ภาพจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
นอกจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่รับตรวจโควิดฟรีแล้ว ยังมีสถานที่อื่น ๆ อีก ดังนี้ค่ะ
รถตรวจโควิด 19 เคลื่อนที่ในกรุงเทพมหานคร
- ต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนที่ BKK COVID-19 หากทำแบบประเมินแล้วเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมา เพื่อประเมินอาการอีกครั้ง
- หากเข้าเกณฑ์ รถบริการเคลื่อนที่พร้อมเจ้าหน้าที่ จะลงพื้นที่ไปทดสอบการติดเชื้อถึงบ้านหรือสถานที่ใกล้เคียง ฟรี !
- หากพบว่าติดเชื้อ เจ้าหน้าที่จะจัดรถฉุกเฉิน เพื่อรับตัวไปรักษาในโรงพยาบาลต่อไป
รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระราชทาน
จะออกตรวจหาผู้ติดเชื้อในพื้นที่เสี่ยง(พื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อ) และพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
สรุป
ในปัจจุบันยังไม่มีท่าทีว่าไวรัสนี้จะหายไป ดังนั้นต้องคอยหมั่นสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอนะคะ พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือพื้นที่เสี่ยง และที่สำคัญที่สุด ก่อนออกจากบ้านจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และคอยตรวจเช็กอุณหภูมิร่างกายอยู่เสมอนะคะ หากพบอาการผิดปกติ โดยเฉพาะเกี่ยวกับระบบการหายใจ ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเลยนะคะ