สถานการณ์โควิด-19 ดูจะไม่คลี่คลายลงง่าย ๆ จุดสำคัญในการจับไวรัสโคโรน่า คืออุณหภูมิในร่างกายที่สูงกว่าปกติ หรืออาการไข้นั่นเอง แต่การใช้มือทาบหน้าผาก – ทาบคอ เพื่อวัดความร้อน จะไม่สามารถการันตีได้ว่ามีไข้หรือเปล่า ดังนั้น เพื่อให้ทราบระดับอุณหภูมิ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ ปรอทวัดไข้ หรือเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย เรามาดูกันว่า ควรใช้ปรอทวัดไข้อย่างไรให้ถูกต้อง และปรอทวัดไข้แบบไหนเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
สารบัญ
- ปรอทวัดไข้ แบบดิจิทัล VS แบบแก้ว มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร?
- อันตรายจากการใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้ว
- ใช้งานปรอทวัดไข้อย่างไรให้ถูกต้อง
- อุณหภูมิแบบไหนถึงเรียกว่าปกติ?
ปรอทวัดไข้ แบบดิจิตอล VS แบบแก้ว มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?
ถ้าพูดถึงปรอทวัดไข้ หรือเครื่องวัดอุณหภูมิ ก็มีให้เลือกใช้หลายแบบเลยค่ะ ทั้ง ปรอทวัดไข้ ราคา ถูกและแพง แต่ถ้าสำหรับใช้ตรวจวัดที่บ้าน จะนิยมใช้แบบแก้วและแบบดิจิตอลมากที่สุด เนื่องจากใช้งานและหาซื้อได้ง่าย และมีความแม่นยำสูง ซึ่งหลายคนก็ยังมีความลังเลอยู่ว่าควรใช้แบบแก้วหรือแบบดิจิตอลดี?
หากเปรียบเทียบปรอทวัดไข้แบบแก้วกับแบบดิจิตอล ในเรื่องของความแม่นยำ ทั้งสองแบบมีความแม่นยำใกล้เคียงกันเลยค่ะ แต่จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของราคา และการใช้งานต่าง ๆ
ปรอทวัดไข้แบบแก้ว
- ข้อดี : ราคาไม่แพง
- ข้อเสีย : ก่อนใช้งานจะต้องสะบัดปรอทวัดไข้ทุกครั้ง เพื่อให้แถบบอกอุณหภูมิอยู่ต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังอ่านค่าได้ยาก นอกจากนี้ วัสดุที่ทำจากแก้วมีความเปราะบางแตกหักได้ง่าย และมีสารปรอท ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เพราะอาจเกิดอันตรายได้
ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล
- ข้อดี : ใช้งานง่ายแค่เพียงกดปุ่ม แล้วรอผล อีกทั้งยังอ่านค่าได้ง่าย เนื่องจากบอกตัวเลขได้อย่างชัดเจนผ่านทางหน้าจอ ตัววัสดุมีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และไม่มีสารปรอท จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกช่วงอายุ
- ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าแบบแก้ว
จะเห็นได้ว่า ปรอทวัดไข้แบบแก้วจะมีผลเสียมากกว่าแบบดิจิตอล โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีความชำนาญในการใช้งาน เพราะอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ แม้ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล จะมีราคาแพงกว่าแบบแก้ว แต่หากแลกมาด้วยความปลอดภัย ยังไงแบบดิจิตอลก็คุ้มค่าที่จะซื้อมากกว่านะคะ
อันตรายจากการใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้ว
ปรอทวัดไข้แบบแก้ว เป็นอุปกรณ์วัดอุณหภูมิร่างกายที่ใช้กันอย่างมายาวนาน แต่รู้หรือไม่คะว่า ปัจจุบันกำลังมีแผนการให้ทุกประเทศเลิกใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้ว เพราะสารปรอท สามารถสร้างอันตรายให้กับร่างกายมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมได้นะคะ
เนื่องจากภายในปรอทวัดไข้แบบแก้ว มีสารปรอทบรรจุอยู่ ซึ่งนับเป็นสารพิษอันตรายชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ หากมนุษย์ได้รับสารปรอทมากเกินไป จะเกิดอาการเป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งอาการออกได้เป็นสองแบบ คือ
- แบบเฉียบพลัน เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารปรอท ในปริมาณมาก จะเกิดอาการเช่น กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยลง เกิดแผลในปาก หายใจลำบาก ปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน ถ่ายเหลวมีเลือดปน
- แบบเรื้อรัง เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารปรอทเป็นประจำและสะสมเป็นเวลานาน จะเกิดอาการเช่น ปากเป็นแผลอักเสบเรื้อรัง เหงือกบวม ฟันโยก มีอาการมือสั่น มีน้ำลายออกมาก การรับรสเปลี่ยนไป
สารปรอทนี้ จะเป็นอันตรายอย่างมากต่อหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กนะคะ เพราะสารปรอท จะเข้าไปทำลายระบบประสาทของเด็ก ทำให้เด็กมีความสามารถในการเรียนรู้ลดลง เกิดอาการชัก ตาบอด หูหนวก ซึ่งหากเป็นอาการเหล่านี้แล้ว จะ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ
ทำอย่างไรหากปรอทวัดไข้แบบแก้วแตก?
ถ้าเกิดทำปรอทวัดไข้แตก อย่าชะล่าใจคิดว่าไม่เป็นอะไรนะคะ ถึงแม้สารปรอทเหล่านี้ จะไม่มีสีไม่มีกลิ่น แต่สามารถระเหิดเป็นไอ ทำให้เกิดอันตรายกับระบบทางเดินหายใจ และปอดได้ ดังนั้น หากปรอทวัดไข้แบบแก้วแตก ควรรีบปฏิบัติดังนี้ค่ะ
- หากปรอทวัดไข้แตกในขณะวัดทางปาก จนทำให้สารปรอทไหลเข้าไปภายในช่องปาก ให้รีบบ้วนออก และไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด อาจจำเป็นต้องล้างท้อง หรือรับประทานยาที่ทำให้เกิดอาเจียน
- หากปรอทวัดไข้ตกแตก ให้รีบออกจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด
- ห้ามใช้ไม้กวาด กวาดสารปรอทที่ไหลออกมา เนื่องจากจะทำให้สารปรอทติดอยู่กับไม้กวาด ซึ่งอาจกระจายไปบริเวณอื่น ๆ ได้
- ห้ามใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดสารปรอท เพราะจะทำให้สารปรอทตกค้างในเครื่องดูดฝุ่น และความร้อนจากเครื่อง จะทำให้สารปรอทระเหิด และเข้าสู่ทางเดินหายใจ
- ให้สวมผ้าปิดปากปิดจมูก และใช้กระดาษแข็งกวาดสารปรอทมารวมกัน ตักใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด และนำไปทิ้งในขยะที่เป็นถังทิ้งขยะอันตราย
- เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวกอย่างน้อย 2 วัน
ที่วัดไข้ วัดอุณหภูมิได้แม่นยำ นวัตกรรมใหม่จาก ALLWELLจะเห็นได้ว่าสารปรอท เป็นอันตรายต่อร่างกายเป็นอย่างมากเลยนะคะ นอกจากนี้วัสดุที่เป็นแก้ว อาจสร้างอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้น แนะนำให้หันมาใช้ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล หรือเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอื่น ๆ จะปลอดภัยมากกว่านะคะ
ใช้งานปรอทวัดไข้ อย่างไรให้ถูกต้อง
การวัดอุณหภูมิร่างกาย หากเราใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน หรืออาจจะบาดเจ็บกับผู้ใช้ได้ ดังนั้น การวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยปรอทวัดไข้ มีวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้ค่ะ
1.การวัดอุณหภูมิทางช่องปาก
เป็นวิธีการตรวจวัดอุณหภูมิที่นิยมใช้มากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กที่สื่อสารได้รู้เรื่องแล้ว ซึ่งหากใช้ปรอทวัดไข้แบบแก้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้กับเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ เพราะมีความเสี่ยงที่เด็กอาจจะกัดปรอทแตกได้
- หากวัดไข้เด็ก ควรตรวจดูภายในช่องปากว่าไม่มีสิ่งใดตกค้างอยู่ เช่น ลูกอม หมากฝรั่ง ขนม
- หลีกเลี่ยงการวัดอุณหภูมิทันที หลังการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม เพราะอาจมีผลต่ออุณหภูมิที่วัดได้ จึงควรรอเวลาอย่างน้อย 20 – 30 นาที
- นำปรอทวัดไข้สอดเข้าไปในปาก โดยให้บริเวณส่วนปลายที่วัดอยู่บริเวณใต้ลิ้น แล้วปิดปากให้สนิท รอจนเสียงสัญญาณเสียงดังขึ้น หรือจนครบเวลาตามที่ผู้ผลิตแจ้งตามคู่มือ แล้วอ่านผลลัพธ์ที่ได้บนหน้าจอ
- หากเป็นปรอทวัดไข้แบบแก้ว ให้รอประมาณ 3 – 4 นาที จนแถบสารปรอทหยุดนิ่ง จึงอ่านค่าที่ได้
2.การวัดอุณหภูมิทางรักแร้
เป็นการวัดอุณหภูมิ โดยให้ปรอทวัดไข้ไว้ที่รักแร้ ซึ่งค่าอุณหภูมิปกติจะต่ำกว่าการวัดทางปาก การวัดอุณหภูมิวิธีนี้ เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก
- หลีกเลี่ยงการวัดหลังการอาบน้ำ หรือสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น เพราะอาจส่งผลต่ออุณหภูมิที่วัดได้
- นำปรอทวัดไข้สอดเข้าไปใต้รักแร้ โดยให้ส่วนปลายอยู่กึ่งกลางรักแร้ และไม่เลยออกไปด้านหลัง
- จากนั้นหนีบปรอทวัดไข้ไว้สักพัก รอจนสัญญาณเสียงดังขึ้น หรือจนครบเวลาตามที่ผู้ผลิตแจ้งตามคู่มือ แล้วอ่านผลลัพธ์ที่ได้บนหน้าจอ
- แต่ถ้าเป็นปรอทวัดไข้แบบแก้ว ให้รออย่างน้อย 4 นาที จนแถบสารปรอทหยุดนิ่ง แล้วจึงอ่านค่า
3.การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก
เป็นการวัดอุณหภูมิ โดยการสอดปรอทวัดไข้เข้าไปทางทวารหนัก ซึ่งค่าอุณหภูมิปกติจะสูงกว่าการวัดทางปาก เป็นวิธีที่นิยมใช้ในเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก แต่หากใช้วิธีนี้ ควรทำอย่างระมัดระวังหรือมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บได้
- นำปรอทวัดไข้ที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว ทาสารหล่อลื่น เพื่อช่วยลดการเสียดสีที่อาจทำให้เจ็บ
- หากวัดเด็ก ให้จับเด็กนอนคว่ำลงบนบริเวณหน้าตักหรือพื้นที่ราบเรียบ หรือให้เด็กนอนหงาย จับขาทั้ง 2 ข้างยกขึ้น
- จากนั้นปรอทวัดไข้เข้าไปทางทวารหนัก ลึกประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร อย่างเบามือ ระวังไม่ให้สอดลึกจนเกินไป จากนั้นถือปรอทวัดไข้ค้างไว้สักครู่ รอจนสัญญาณเสียงดังขึ้น หรือจนครบเวลาตามที่ผู้ผลิตแจ้งตามคู่มือ แล้วอ่านค่า
- หากเป็นปรอทวัดไข้แบบแก้ว ควรรออย่างน้อย 2 นาที จนกว่าแถบสารปรอทจะหยุดนิ่ง จึงอ่านค่าอุณหภูมิที่ได้
การวัดอุณหภูมิ อาจเลือกวัดตามความสะดวก หรือแล้วแต่สถานการณ์ หากวัดอุณหภูมิเด็กเล็กและทารก มักจะใช้การวัดทางทวารหนักหรือทางรักแร้ เพราะเป็นวัยที่อยู่นิ่งค่อนข้างยาก ซึ่งก่อนวัดอุณหภูมิควรทำความสะอาดปรอทวัดไข้ทั้งก่อนและหลังการใช้ด้วยแอลกอฮอล์นะคะ
อุณหภูมิแบบไหนถึงเรียกว่าปกติ?
อุณหภูมิปกติของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงจะอยู่ระหว่าง 36.5 – 37.2 องศาเซลเซียส ในเด็กเล็กอาจมีอุณหภูมิปกติต่างกับผู้ใหญ่อยู่ 1 – 2 องศาเซลเซียส ในระหว่างวันอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในร่างกายได้เล็กน้อยจากหลายปัจจัย เช่น ช่วงเช้าจะวัดอุณหภูมิร่างกายได้ต่ำกว่าช่วงบ่าย ซึ่งการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแต่ละตำแหน่ง จะมีเกณฑ์ค่าอุณหภูมิปกติที่แตกต่างกันไป
- การวัดอุณหภูมิทางปาก ค่าปกติจะอยู่ที่ 35.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
- การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก ค่าปกติจะอยู่ที่ 36.6 – 38 องศาเซลเซียส
- การวัดอุณหภูมิทางรักแร้ ค่าปกติจะอยู่ที่ 34.7 – 37.3 องศาเซลเซียส
หากอุณหภูมิที่วัดออกมาสูงหรือต่ำกว่านี้ แสดงว่าร่างกายอาจมีความผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ควรพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยประกอบนะคะ ไม่ควรดูเฉพาะค่าอุณหภูมิที่วัดได้เท่านั้น เช่น อาการปวดหัว เป็นผื่นตามตัว ปวดท้อง หากมีอาการแปลก ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและทางรักษาต่อไป
สรุป ปรอทวัดไข้ คืออุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีติดบ้าน
ในสถานการณ์ร้ายแรงอย่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ การดูแลป้องกันตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนะคะ หนึ่งในการดูแลป้องกันที่มองข้ามได้ คือ การเฝ้าระวังอุณหภูมิภายในร่างกาย ด้วยปรอทวัดไข้ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ จำเป็นจะต้องวัดอย่างถูกวิธีนะคะ เพราะหากใช้ไม่ถูกต้อง นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อนแล้ว อาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้นะคะ