บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
แม้แต่อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในหนึ่งวัน ทำให้ร่างกายของหลาย ๆ ท่านปรับตัวไม่ทัน หรือ บางท่านก็มีปัจจัยร่วมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ สภาพร่างกายที่ต้องเผชิญหน้ากับความเครียดก็นำมาสู่การเจ็บป่วยเกิดขึ้น โดยอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยคือ ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเราจะขอพาทุกท่านไปพบกันว่าไข้หวัดใหญ่ อาการอย่างไร และ แตกต่างจากโรคที่มีความใกล้เคียงอย่างไร
สารบัญ
ไข้หวัดใหญ่ อาการเป็นอย่างไร
ก่อนที่เราจะพาทุกท่านไปทราบกับอาการของไข้หวัดใหญ่เบื้องต้น เราขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์ของไข้หวัดกันก่อนเลย โดยไข้หวัดใหญ่มีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C ซึ่งในแต่ละสายพันธุ์ก็ยังมีซับเซตของสายพันธุ์ย่อยลงไปอีก แต่โดยรวมแล้วทุกสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ อาการ ดังนี้
1.อ่อนเพลีย
โดยเป็นอาการอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน เรียกได้ว่าเป็นอาการอ่อนเพลียแบบเฉียบพลันกันเลย
2.มีไข้สูง
ส่วนนี้เป็นอาการที่สามารถวัดได้ และ ควรเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก ซึ่งไข้สูงนี้ คือ อุณหภูมิของร่างกายอยู่ที่ 39 – 40 องศาเซลเซียส
3.อาการปวดเมื่อย
ไข้หวัดใหญ่ อาการที่สังเกตได้อีกสิ่ง ก็คือ อาการปวดเมื่อยที่มักเกิดขึ้นตามข้อของร่างกาย ทั้งส่วนของแขนและขา นอกจากนี้ก็มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย
4.เกิดความแดง
ความแดงที่จะปรากฎตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไข้หวัดใหญ่ อาการแดงมีทั้งที่ตาแดง คอแดง หรือ แม้แต่ตัวแดงจากไข้ขึ้น
อ่านเพิ่ม : RSV คืออะไร? โรคร้ายอาการคล้ายไข้หวัด พรากชีวิตลูกน้อยโดยไม่รู้ตัว!ไข้หวัดใหญ่ vs ไข้หวัดธรรมดา vs โควิด vs ภูมิแพ้ ต่างกันยังไง?
โรคไข้หวัดใหญ่ อาการที่ปรากฏหากไม่สังเกตตนเองให้ดี ก็แทบแยกไม่ออกเลยว่าแท้ที่จริงแล้วตนเองเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคทางระบบหายใจอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกันกันแน่ ในบทความนี้จึงได้รวบรวมอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้หวัดอื่น ๆ มาเปรียบเทียบกัน คนที่มีอาการเหล่านี้จะได้หมั่นสังเกตตนเอง แล้วเช็กลิสต์ไปในตัวด้วย ดังนี้!
ไข้หวัดใหญ่
- สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus)
- อาการ : ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ มักมีอุณหภูมิของร่างกายสูงถึง 39 – 40 องศาเซลเซียส อาการไอ คัดจมูกและหนาวสั่นพบได้น้อยมาก แต่จะมีอาการปวดเมื่อยปรากฏบ่อยและรุนแรง
- ระยะเวลาที่ปรากฎอาการ: 10 วัน
- ช่วงเวลาที่เกิดได้บ่อย: ช่วงฤดูฝนจนถึงช่วงฤดูหนาว
- การรักษา : ปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสในทุกกรณี ทั้งนี้ไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสที่รุนแรง ไม่สามารถหายเองได้
ไข้หวัดธรรมดา
- สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหลากสายพันธุ์
- อาการคัดจมูก: อุณหภูมิของร่างกาย 37.5 – 38.4 องศาเซลเซียส พบอาการคัดจมูก และมีน้ำมูกเริ่มจากสีใส แล้วเปลี่ยนเป็นเหลือง และ เขียว ตามลำดับ แต่ในส่วนของอาการไอ ปวดเมื่อย และหนาวสั่น กลับพบได้น้อยมาก
- ระยะเวลาที่ปรากฎอาการ : 5 วัน
- ช่วงเวลาที่เกิดได้บ่อย: ตลอดทั้งปี
- การรักษา : ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร เพื่อรับยาตามอาการที่ปรากฎ ซึ่งมีทั้งยาลดไข้ หนือ ยาลดน้ำมูก นอกจากนี้ก็ต้องทานยาควบคู่ไปกับการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย
โควิด
- สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19
- อาการ : อุณหภูมิของร่างกายสูง 39 – 40 องศาเซลเซียส มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการหนาวสั่นและไอ สามารถพบได้แต่น้อยมาก แต่โควิดมักไม่มีอาการคัดจมูกและน้ำมูกปรากฏ
- ระยะเวลาที่ปรากฎอาการ : 14 วัน เป็นอาการไข้หวัดใหญ่กับโควิดที่เราสามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน
- ช่วงเวลาที่เกิดได้บ่อย : ตลอดทั้งปี
- การรักษา : ในกลุ่มผู้ป่วย 60 ต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัส ส่วนท่านใดที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่มผู้ป่วย 60 เพียงการพักผ่อนที่เพียงพอในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงก็สามารถหายเองได้ แต่หากอาการรุนแรงก็ควรไปพบแพทย์เช่นกัน
ภูมิแพ้
- สาเหตุ : เกิดจากการที่ร่างกายมีความไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากเป็นพิเศษ
- อาการ : มีอาการคัดจมูกหรือจามเป็นชุด มีน้ำมูกเป็นสีใส รู้สึกคันบริเวณดวงตา น้อยมากที่จะมีอาการไอ มักมีอาการในตอนที่มีสารก่อภูมิแพ้อยู้ใกล้ ๆ
- ระยะเวลาที่ปรากฎอาการ : เป็นช่วงสัปดาห์ หรือ ช่วงเดือน
- ช่วงเวลาที่เกิดได้บ่อย : แล้วแต่ภูมิแพ้ที่เกิดขึ้น
- การรักษา : หากเกิดอาการรุนแรงให้รีบเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ทันท่วงที ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากบางท่านมีอาการที่กระทบต่อระบบทางเดินหายใจรุนแรงได้ หากมีอาการที่ไม่รุนแรงควรทานยาแก้ภูมิแพ้ที่มักติดตัวมาไว้ตลอด
สรุป
เมื่อเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยทั้งกับตัวคุณเอง และ คนรอบข้างที่คุณรักและคุณต้องดูแล การรีบรักษาให้หายย่อมเป็นหนึ่งสิ่งที่ทุกท่านต้องทำ เพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างตรงจุด สามารถเกาได้ตรงบริเวณที่คัน เราจึงจำเป็นต้องทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ๆ ขึ้น โดยคุณก็สามารถสังเกตด้วยตนเองเบื้องต้นได้จากอาการ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีทั้งต่อตัวของคุณเองและแพทย์ที่ทำการรักษาคุณอย่างแน่นอน