บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
โรคไข้เลือด ออกนับเป็นหนึ่งโรคที่มีการแพร่ระบาดทุกปี โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในกลุ่มของเด็กที่มีอายุต่ำว่า 15 ปี ในส่วนของประเทศไทยเองก็พบว่าเคยเป็นประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงเป็นอันดับสองในเอเชียมาแล้วในปี พ.ศ.2558 ดังนั้น โรคไข้เลือดออกจึงเป็นอีกโรคที่เราไม่ควรมองข้าม มาดูกันว่า อาการไข้เลือดออก ระยะเริ่มต้น และระยะอื่น ๆ เป็นอย่างไร รักษาให้หายเร็ว ๆ ได้ไหม? เรามีคำตอบค่ะ
สารบัญ
- อาการไข้เลือดออก เกิดจากอะไร?
- เช็ก! สัญญาณน่าสงสัยว่าจะเป็น อาการไข้เลือดออก
- รักษาอาการไข้เลือดออก ให้หายเร็วได้ไหม?
- ป้องกันอาการไข้เลือดออก อย่างไรได้บ้าง?
อาการไข้เลือดออก เกิดจากอะไร?
หากพูดถึงโรคไข้เลือดออก สิ่งที่หลายคนนึกถึงเป็นอย่างแรกก็คือ ยุงลาย เนื่องจากยุงลายเป็นพาหะนำโรคของโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะยุงลายตัวเมีย จึงทำให้ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณยุงลายเยอะ จะเป็นช่วงที่มีผู้ป่วยไข้เลือดออกเยอะเช่นกันค่ะ ซึ่งยุงลายมักจะหากินในเวลากลางวัน ดังนั้น ต้องระวังไว้ค่ะ เพราะโรคนี้สามารถติดเชื้อจากคนสู่คนได้ ผ่านฝีมือของยุงลายตัวร้ายนี่แหละค่ะ
โรคไข้เลือดออก เกิดจากไวรัสที่มีชื่อว่า เดงกี (Dengue Virus) ซึ่งมีอยู่ 4 สายพันธุ์ แพร่เชื้อโดยการที่ยุงลาย ไปกัดผู้ที่ติดเชื้อเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวในกระเพาะอาหารของยุง และแฝงตัวอยู่ในต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไปกัดคน เชื้อก็จะเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้คน ๆ นั้นติดเชื้อไข้เลือดออก หลังจากนั้นประมาณ 3-15 วัน อาการไข้เลือดออกก็จะแสดงออกมาค่ะ
ระยะของการแพร่เชื้อ
- ไข้เลือดออกระยะฟักตัว : โดยนับตั้งแต่การฟักตัวของเชื้อไวรัสเดงกีในยุงลาย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นก็เป็นระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสเดงกีในคน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 14 วัน
- ไข้เลือดออกระยะติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อจากคนสู่ยุง หรือระยะเวลาการติดต่อจากยุงสู่คน
โดยทั่วไปอาการไข้เลือดออกนั้น จะไม่ได้รุนแรงมาก แต่มักจะรุนแรงในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เป็นต้นไป ในรายที่รุนแรงโรคไข้เลือดออกนี้ อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ใครที่เคยเป็นแล้วต้องระวังเป็นอย่างมากไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ส่วนคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ก็ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เช่นกันนะคะ
กลุ่มเสี่ยงไข้เลือดออก
- เด็กทารก และเด็กเล็ก
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่ตั้งครรภ์
- โรคที่เกี่ยวกับเม็ดเลือดแดง หรือฮีโมโกลบินผิดปกติ
- โรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหอบหืด โรคไต ฯลฯ
เช็ก! สัญญาณน่าสงสัยว่าจะเป็น อาการไข้เลือดออก
หลังจากที่เราทราบกันแล้วว่า โรคไข้เลือดออกนั้นมีสาเหตุและเกิดมาจากอะไรกันแล้วนั้น เรามาดูกันต่อเลยค่ะ ว่าถ้าหากเราเป็นไข้เลือดออกแล้ว จะมีอาการแบบไหน เพื่อที่จะได้รักษาได้ทัน โดยอาการไข้เลือดออกสามารถแบ่งออกตามระยะ 3 ระยะ หากใครมีอาการผิดปกติ ลองสังเกตดูนะคะว่าเข้าข่ายระยะไหน แล้วรีบไปหาหมอด่วนเลยค่ะ
ระยะของอาการไข้เลือดออก
- ระยะไข้ เป็นระยะที่สามารถสังเกตอาการของไข้เลือดออกได้จากจุดเลือดที่ปรากฏบริเวณผิวกาย ทั้งส่วนของแขน ขา รวมไปถึงลำตัวด้วย นอกจากนี้ก็มีอาการไข้สูงตลอดเวลาติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 7 วัน ร่วมด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด อาเจียน และเมื่อมีไข้ขึ้นสูงก็มักจะเกิดการเบื่ออาหารด้วย ในส่วนของอาการไข้เลือดออกในเด็ก ระยะนี้ก็อาจนำมาซึ่งอาการชักจากสภาวะไข้ที่สูงติดต่อกันเป็นเวลานานได้
- ระยะช็อก เป็นระยะที่อาการรุนแรงที่สุด โดยอาการช็อกเสี่ยงนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งระยะนี้เป็นระยะที่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น และระยะช็อกก็เป็นระยะที่ผู้ป่วยมีอาการเลือดออกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นเลือดกำเดาที่ออกง่ายกว่าปกติ อุจจาระที่มีสีดำจากการมีเลือดปะปนออกมาด้วย หรือการอาเจียนออกมาเป็นเลือด
นอกจากนี้ก็ยังมีอาการปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะออกน้อย ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงด้านขวา รวมถึงมีชีพจรที่เต้นเร็วแต่เบากว่าสภาวะของการเต้นปกติของชีพจร และมีอาการเหงื่อออก มือและเท้าเย็น แต่ในระยะนี้เป็นระยะที่ไข้ลดลงแล้ว แต่ในส่วนของอาการไข้เลือดออกในผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก จะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอย่างอวัยวะภายในอักเสบได้
- ระยะฟื้นตัว เป็นระยะที่มีการฟื้นตัวของร่างกาย ผู้ป่วยจะมีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น การปัสสาวะกลับมาเป็นปกติ มีชีพจรที่เต้นตามปกติขึ้น แต่บางรายก็ยังคงมีจุดแดงเล็ก ๆ ลักษณะเป็นจุดเลือดปรากฎตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
รักษาอาการไข้เลือดออก ให้หายเร็วได้ไหม?
เมื่อเราหรือคนรอบตัวเป็นไข้เลือดออกก็มีคำถามตามมาว่า ไข้เลือดออกกี่วันหาย? ซึ่งจะไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่ชัดได้เท่ากันในผู้ป่วยทุกท่านค่ะ แต่ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว เพศ หรืออายุ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าไข้เลือดออกรักษากี่วัน แต่จากสถิติแล้วในส่วนของผู้ที่มีอาการไข้เลือดออกไม่รุนแรงจะสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน
ในส่วนของการรักษานั้นก็ยังไม่มียาสำหรับรักษาโดยเฉพาะ เป็นเพียงการรักษาตามอาการไข้เลือดออกเท่านั้น และเคล็ดลับวิธีรักษาไข้เลือดออกให้หายเร็วก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ การใช้น้ำอุ่นเช็ดตัวเพื่อลดไข้ การรับประทานอาหารอ่อน ๆ รวมถึงการป้องกันการขาดน้ำของร่างกายด้วยการดื่มเกลือแร่หรือน้ำผลไม้ ในส่วนของยาควรงดเว้นยาในกลุ่ม NSAID เป็นอันขาด เพราะทำให้เลือดออกได้มากและง่ายขึ้น
ป้องกันอาการไข้เลือดออก อย่างไรได้บ้าง?
เมื่อเราทราบกันแล้วว่าอาการไข้เลือดออกเกิดจากยุงลายตัวเมียที่ออกหากินในตอนกลางวัน โดยยุงเป็นตัวพาหะที่นำเชื้อจากคนหนึ่งแพร่ไปอีกคนหนึ่ง และถ้าหากเป็นไข้เลือดออกแล้วควรดูแลตัวเองอย่างไรดี ต่อมาเรามาดูวิธีการป้องกันการเกิดอาการไข้เลือดออกกันต่อเลยค่ะ
การป้องกันอาการไข้เลือดออก
- ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ทั้งการใส่ทรายอะเบทป้องกันการวางไข่ของยุงลาย การเทภาชนะที่มีน้ำขัง
- การป้องกันตนเองจากไข้เลือดออกทั้งการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุม การนอนในมุ้ง หรือ การติดมุ้งลวด
- การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สรุป
ไข้เลือดออกจัดเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงหากมีการรักษาที่ทันท่วงที แต่ไข้เลือดออกนี้เองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในเด็กเล็กได้ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการวินิจฉัยที่ล่าช้าเมื่อไปพบแพทย์อาการก็ล่วงเลยไปแล้ว ดังนั้นเมื่อผู้ปกครองสังเกตได้ถึงอาการที่บ่งชี้ว่าเป็นอาการไข้เลือดออกก็ควรพาลูกหลานไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาโดยด่วน และสิ่งที่ดีกว่าการรักษาก็คือการป้องกันซึ่งสามารถใช้แนวทางจากบทความในข้างต้นเพื่อป้องกันลูกน้อยและคนที่คุณรักให้ห่างไกลจากโรคดังกล่าวได้