บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
เมื่อเราเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วต้องทำการรักษาโดยการรับยา ไม่ว่าจะเป็นการทา การกิน หรือการฉีด แต่ถึงแม้ยาที่ได้รับจะมีฤทธิ์ในการรักษาอาการเจ็บป่วย แต่ภูมิคุ้มกันของร่างกายในบางคนอาจต่อต้านยา จนเกิดอาการแพ้ยาได้ เช่น อาการคลื่นไส้ เวียนหัว ผื่นขึ้น นอกจากนี้ยังมีอาการอะไรอีกบ้าง ใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองอาจมีอาการแพ้ยา มาลองเช็กสัญญาณเตือน และวิธีรับมือเบื้องต้นในบทความนี้กันค่ะ
สารบัญ
สัญญาณน่าสงสัยว่าคุณอาจมีอาการแพ้ยา?
อาการแพ้ยา เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทั้งนี้ในแต่ละคนจะมีระยะเวลาในการเกิดอาการแพ้ยาที่แตกต่างกันออกไป โดยเริ่มตั้งแต่การเกิดการแพ้หลังการใช้ยาเพียงไม่กี่ชั่วโมง (1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ) ไปจนกระทั่งถึงระยะเวลาที่ยาวนานร่วมเดือนเลย สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะกำลังแพ้ยา ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ของอาการแพ้ยา ดังนี้
1. อาการที่บ่งบอกถึงการแพ้ยาในระดับที่ไม่รุนแรง
เป็นอาการแพ้ยา ผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง โดยมีลักษณะของผื่นที่คล้ายคลึงกับอาการของลมพิษ ร่วมด้วยอาการแดงและบวมที่มากกว่า ในบางรายจะเกิดอาการคันร่วมด้วย และอาการจะปรากฎตามส่วนต่าง ๆ ของผิวหนังที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบริเวณดวงตา ใบหน้า แขน ขา หรือ แผ่นหลัง
2. อาการที่บ่งบอกถึงการแพ้ยาในระดับปานกลาง
มีอาการทุกอย่างของอาการที่บ่งบอกถึงการแพ้ยาในระดับที่ไม่รุนแรง แต่ก็มากกว่ากลุ่มแรกมาอีกระดับหนึ่ง หรือเรียกกันว่า กลุ่มที่มีอาการแพ้แบบปานกลาง คนแพ้ยาในกลุ่มนี้จะเริ่มมีอาการหายใจติดขัด หรือมีอาการผื่นขึ้นทั้งตัว ควรหยุดยาหรือหยุดสิ่งที่แพ้ ให้ผู้แพ้ยาดื่มน้ำมาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที เพื่อบรรเทาอาการ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้แบบรุนแรง
3. อาการที่บ่งบอกถึงการแพ้ยาในระดับที่รุนแรง
ผู้ที่มีอาการแพ้ยารุนแรง ควรรีบเข้ารับการรักษาอาการแพ้อย่างเร่งด่วน สาเหตุของคนที่แพ้ยาในกลุ่มนี้ มักเป็นมาจากอาการแพ้ยาในกลุ่มเพนิซิลลิน ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาฆ่าเชื้อต้านการอักเสบ หรือยาปฏิชีวนะ
- อาการแพ้ยาที่ปรากฎบริเวณผิวหนังก็จะมีการบวม แดง เป็นผื่น เกิดตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนอง ตามมาด้วยอาการคัน และอาการหลุดลอกของผิวหนัง
- อาการไข้สูง มีน้ำมูก มีอาการคล้ายไข้หวัด ร่วมด้วยอาการปวดศีรษะ
- มีอาการบวมปรากฎตามร่างกายทั้งแขน ขา หน้า ปาก หรือ ลิ้น
- เกิดอาการเจ็บและบาดแผลบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณช่องปาก ตา หรือ อวัยวะเพศ
- เกิดอาการอ่อนเพลีย อาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปก็เกิดการอาเจียนออกมา จึงทำให้เกิดอาการไม่อยากรับประทานอาหาร หรือ เบื่ออาหารตามมา
- เกิดการอักเสบที่รุนแรงของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะในส่วนของตับและไต ซึ่งรุนแรงไปถึงอาการไตวายแล้วทำให้เสียชีวิตได้
- หากเกิดการวิกฤตรุนแรง ผู้ที่แพ้จะเกิดความดันโลหิตที่ต่ำมาก ชีพจรเต้นเร็ว แต่เบา มีอาการชัก อาการหายใจติดขัดรุนแรง ไปจนหยุดหายใจ
ใครบ้างที่เสี่ยงเกิดอาการแพ้ยา?
อาการแพ้ยา เป็นปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันร่างกายที่สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านยาได้รับเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นการได้รับยาในรูปแบบการกิน ฉีด ทา หรือดม กลไกนี้ของร่างกายทำขึ้นคล้ายการต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ซึ่งอาการแพ้ยาเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน บทความนี้จึงจะอธิบายถึงผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้ยา ดังนี้
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง หรือโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ
- ผู้ป่วยจากโรคอื่น ๆ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยผู้ป่วยเอชไอวี
- ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวมีการแพ้ยา
- ผู้ที่มีการแพ้อื่น ๆ ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหารประเภทกุ้ง หรือ การแพ้เกสรดอกไม้
4 วิธีแก้อาการแพ้ยาเบื้องต้น
หากคุณสงสัยว่า กำลังเกิดอาการแพ้ยา สามารถทำได้โดยการเฝ้าระวังหลังการรับยาเข้าไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นหากพบอาการแพ้ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงระดับใดปรากฏ ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะคุณจะไม่สามารถระบุระดับความรุนแรงของการแพ้ด้วยตนเองได้ ดังนั้นระหว่างการเดินทางไปพบแพทย์ บทความนี้มีวิธีแก้อาการแพ้ยาเบื้องต้นในทุก ๆ ระดับมาแนะนำ ดังนี้
- หยุดใช้ยาทันที และ รีบไปพบแพทย์โดยด่วน
- จดหรือถ่ายภาพบันทึกอาการแพ้ที่เกิดขึ้น รวมถึงระยะเวลาหลังรับประทานยาเข้าไป แล้วเกิดการแพ้ขึ้น เพื่อนำไปเป็นข้อมูลสำหรับการวินิจฉัยของแพทย์
- นำยาที่แพ้ติดตัวไปให้แพทย์วินิจฉัยร่วมด้วย เพื่อจะได้รักษาอย่างถูกวิธีมากยิ่งขึ้น
- ห้ามทำให้อาเจียนออกมา เพราะยาบางชนิดไหลกลับสู่ทางเดินอาหารอีกรอบ อาจทำให้เกิดการแพ้ที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นได้
สรุป
แม้ว่าอาการแพ้ยาจะไม่ใช่อาการที่พบได้ในทุกคน แต่อาการดังกล่าวก็เป็นอาการที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยบางรายในช่วงแรกของการใช้ยาชนิดนั้น ๆ และในบางราย อาการแพ้ยาอาจรุนแรงถึงชีวิต ดังนั้นการทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าตนแพ้ยาหรือไม่ หรือ ทราบความเสี่ยงและปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการแพ้ยาก็จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะลดหรือป้องกันอาการดังกล่าวได้ เพื่อให้การรักษาพยาบาลของคุณด้วยการใช้ยา เป็นการรักษาที่ปลอดภัย และทำให้คุณกลับมาแข็งแรงดั่งเดิม