นิ่วในถุงน้ำดี อาการเป็นอย่างไร? อันตรายใกล้ตัวที่คุณป้องกันได้!

นิ่วในถุงน้ำดี

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้ หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

         อาการ นิ่วในถุงน้ำดี หรือโรคนิ่ว พบมากในเพศหญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ในเพศหญิงมีความเสี่ยงในการเป็นนิ่วมากกว่าเพศชาย 1 – 2 เท่า และมีความเสี่ยงสูงในผู้สูงอายุ  ผู้ที่มีคลอเรสเตอรอลสูง เป็นโรคเบาหวาน ธาลัสซีเมีย ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว บุคคลเหล่านี้จะมีโอกาสเป็น นิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนอื่น ๆ

นิ่วในถุงน้ำดี อาการ

  • นิ่วในถุงน้ำดี คือ โรคในระบบทางเดินอาหาร ที่มีก้อนขนาดเล็กเกิดขึ้นในถุงน้ำดี 
  • ถุงน้ำดี คือ ส่วนหนึ่งของระบบทางเดินน้ำดี มีหน้าที่ช่วยย่อยไขมันที่เราทานเข้าไป และเป็นแหล่งกักเก็บแหล่งน้ำดี ที่ร่างกายไม่ใช้แล้ว เพื่อช่วยในการแตกไขมัน

สารบัญ

นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากอะไร?

         นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากหลากหลายสาเหตุ แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้เป็น 3 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

1. เกิดจากการมีเม็ดสีหรือบิลิรูบินมากเกินไป

         นิ่วมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล หรือสีดำ เกิดจากสารบิลิรูบิน ทำหน้าที่เป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้น เมื่อเซลล์เม็ดเลือดถูกทำลายหรือตาย หรืออาจเกิดจาก โรคตับแข็ง การติดเชื้อในระบบทางเดินน้ำดี โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย โลหิตจางจากการขาดเอนไซม์ G6PD

นิ่วในถุงน้ำดี อาการ

ภาพจาก ENDO-X-TCPH ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและท่อน้ำดีระดับภูมิภาค

2.เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป

         เป็นชนิดที่พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นก้อนสีขาว สีเหลือง หรือสีเขียว เกิดจากการที่ตับขับคอเลสเตอรอล ออกมามากจนเกินไป ทำให้เกิดตะกอน จนกลายเป็นนิ่วในที่สุด หรือเกิดสารคอเลสเตอรอลที่บีบออกมาได้ไม่หมด เนื่องมาจากการบีบตัวที่ไม่ดีพอของกล้ามเนื้อในถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี อาการ

ภาพจาก : hatyaisurgeon.blogspot.com

3.เกิดจากถุงน้ำดีขับของเสียออกได้ไม่เหมาะสม

         มีลักษณะ เป็นสีเหลืองปนดำ หรือน้ำตาล เกิดจากการที่น้ำดี ไม่สามารถขับของเสียออกมาได้อย่างเหมาะสม ทำให้น้ำดีมีความเข้มข้นมากจนเกินไป และส่งผลให้คอเลสเตอรอลและบิลิรูบินตกตะกอนรวมกับสารอื่น ๆ และก่อตัวกลายเป็นนิ่วในที่สุด

นิ่วในถุงน้ำดี อาการ

IMAGE SOURCE : www.slideshare.net (Shashidhar Venkatesh Murthy)

 

ก้อนนิ่วอาจมีขนาดเล็กเท่าก้อนเม็ดทราย หรือมีขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ

นิ่วในถุงน้ำดี อาการเป็นอย่างไร?

         นิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยบางราย มักคิดว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะ จึงซื้อยามารับประทานเอง ซึ่งผู้ป่วยจะทราบว่านั่นคืออาการนิ่วในถุงน้ำดี ก็ต่อเมื่อมาตรวจสุขภาพ หรืออาจทราบจากการพบแพทย์ด้วยปัญหาสุขภาพอื่น วิธีสังเกตอาการนิ่วในถุงน้ำดี มีดังนี้

อาการนิ่วในถุงน้ำดี

  • ปวดท้องบริเวณท้องส่วนบน หรือท้องด้านขวาอย่างรุนแรง บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปยังกระดูกสะบัก หรือไหล่ด้านขวา

  • ปวดบริเวณกลางท้อง หรือใต้กระดูกหน้าอกอย่างรุนแรง และมักเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

  • ปวดหลัง ช่วงไหล่ และสะบัก

  • มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน

  • มีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย แสบร้อนบริเวณอก มีลมในกระเพาะอาหาร และรู้สึกจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ หลังรับประทานอาหาร

       และหากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยควรพบแพทย์ 

  • ปวดท้องรุนแรง จนไม่สามารถนั่งในท่าปกติได้

  • เป็นดีซ่าน ผิวซีดเหลือง ตาเหลือง

  • มีไข้ หนาวสั่น

  • ปัสสาวะสีเข้ม หรือมีอุจจาระสีซีด มักเกิดขึ้นในกรณีที่ก้อนนิ่วอุดตันในท่อน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี อาการ

ใครบ้างที่เสี่ยงมี นิ่วในถุงน้ำดี

         โรคนิ่วในถุงน้ำดี สาเหตุหลักมาจากการที่สารบางอย่างในร่างกาย เกิดความไม่สมดุลกัน ดังนั้น ผู้ที่มีปัจจัยที่ทำให้สารในร่างกายเกิดความไม่สมดุล ไม่ว่าจะด้วยอายุ พฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิต ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ค่ะ

  1. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน เพราะอาจทำให้มีระดับคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดี สูงจนไม่สามารถขับออกมาได้ดีเท่าที่ควร
  2. ผู้ใช้ยาคุมกำเนิด ใช้ฮอร์โมนสำหรับผู้ที่ใกล้หมดประจำเดือน หรือผู้ที่ตั้งครรภ์ มักเสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี เพราะบุคลลเหล่านี้ อาจมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากจนเกินไป จนทำให้เกิดปัญหา และส่งผลทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้น ทำให้การขับของถุงน้ำดีเป็นไปได้ไม่ดี
  3. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จะมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูง ส่งผลให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้ไม่ดีนัก จึงเสี่ยงที่จะทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
  4. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากเกินไป ส่งผลให้ตับผลิตคอเลสเตอรอลออกมามากเกินไป
  5. พันธุกรรม หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมาก่อน ลูกหลานก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน
  6. รับประทานอาหารไขมันสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของความอ้วน และทำให้คอเรสเตอรอลสูง
  7. เพศหญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และเพศชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าวัยอื่น ๆ

         นั่นก็เพราะว่าผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีส่วนทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีนั้นสูงขึ้น และการทานยาคุมกำเนิด หรือทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือนนั้น ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้นั่นเอง 

GlucoAll-1B

1,190฿

บันทึกค่าได้ 400 ข้อมูล | ตั้งค่าโหมดการวัดก่อน-หลังมื้ออาหารได้ | รับประกันตลอดอายุการใช้งาน

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม

แผ่นสำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B

299฿549฿

แผ่นตรวจ 1 กล่อง (25 ชิ้น)

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม

แผ่นสำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด GlucoAll-1B และเข็มเจาะเลือด

639฿1,199฿

แผ่นตรวจ 25 ชิ้น/กล่อง | เข็มเจาะเลือด 50 ชิ้น/กล่อง

รหัสสินค้า: ไม่ระบุ หมวดหมู่:
อ่านเพิ่ม

ภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา

  • ท่อน้ำดีอักเสบ เกิดจาการที่ก้อนนิ่วเข้าไปอุดตันท่อถุงน้ำดี ที่เป็นทางไหลผ่านของน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เป็นดีซ่าน หรือติดเชื้อในท่อน้ำดีได้
  • ตับอ่อนอักเสบ เกิดจากการที่ก้อนนิ่วเข้าไปปิดที่ท่อของตับอ่อน ส่งผลให้มีอาการปวดท้องรุนแรง อย่างต่อเนื่อง และต้องรักษาอย่างทันท่วงที

  • ถุงน้ำดีอักเสบ ทำให้น้ำดีไม่สามารถไหลผ่านไปยังลำไส้เล็กได้ ส่งผลทำให้มีน้ำดีอยู่ในถุงมากเกินไป เป็นการเพิ่มแรงดันถุงน้ำดี  ทำให้เกิดการอักเสบ 

  • มะเร็งท่อน้ำดี พบมากในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เป็นก้อนเนื้อร้ายที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผนังของท่อน้ำดี

  • ติดเชื้อในกระแสเลือด อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

อาการ นิ่วในถุงน้ำดี ป้องกันได้อย่างไร ?

          โรคนิ่วในถุงน้ำดี ก่อให้เกิดอาการอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันไม่ให้โรคนิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นได้ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน จะช่วยทั้งป้องกัน ลดความเสี่ยงทั้งโรคนิ่วในถุงน้ำดีและโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาได้อีกด้วยค่ะ

  • ทานอาหารให้เป็นเวลา และทานให้ครบทั้งสามมื้อ ไม่ควรอดอาหาร เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้

  • ไม่ควรลดน้ำหนักอย่างหักโหม ควรลดอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาสั้น ๆ จะเป็นการเสี่ยงทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้

  • รักษาสมดุลของร่างกาย ไม่ให้น้ำหนักตัวมากจนเกินไป

  • งดอาหารไขมันสูง

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (วิธีเลิกบุหรี่ด้วยตัวเองง่ายๆ ให้เห็นผล แบบไม่กลับไปสูบอีก Click!!!)

จะรักษานิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างไร

  • ใช้ยาที่มีฤทธิ์ละลายก้อนนิ่ว คอเลสเตอรอล (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์)

  • รักษาด้วยการผ่าตัด

 

สรุป

         นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่น่ากลัวก็จริง แต่ทุกคนสามารถป้องกันได้ เพียงดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เลี่ยงอาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น ของทอด ของมัน และผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง ควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และหากมีอาการผิดปกติที่น่าสงสัย ให้รีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะหากอาการรุนแรง อาจถึงขั้นถุงน้ำดีเน่า ถุงน้ำดีแตก ก็อาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้นะคะ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup