บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยอวัยวะ และ ระบบอวัยวะต่าง ๆ รวมกัน เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อใดก็ตามที่อวัยวะในร่างกายมีส่วนเกินขึ้นในรูปแบบของไขมัน ก็อาจนำมาซึ่งความผิดปกติในการทำงานของร่างกายโดยรวมได้ หนึ่งในอวัยวะที่มักเกิดไขมันขึ้น ก็คือ ช่องท้อง และ ไขมันในช่องท้อง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นอันตรายหากมีการสะสมมากเกินไป โดยเราจะขอพาทุกท่านไปพบกับอันตรายเหล่านี้กัน
สารบัญ
- ไขมันในช่องท้อง คืออะไร? ไม่ควรเกินเท่าไหร่?
- วิธีวัดไขมันในช่องท้อง ทำอย่างไรได้บ้าง?
- ไขมันช่องท้องถ้าปล่อยให้มีมากเกินไป อันตรายอย่างไร?
- วิธีลดไขมันในช่องท้องแบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง?
ไขมันในช่องท้อง คืออะไร? ไม่ควรเกินเท่าไหร่?
ไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) คือ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณระหว่างอวัยวะในช่องท้องกับกล้ามเนื้อท้อง ซึ่งไขมันเหล่านี้ก็เกิดได้จากหลากหลายปัจจัยทั้งพฤติกรรมการดำเนินชีวิต พฤติกรรมการบริโภค หรือ แม้แต่ส่วนของกรรมพันธุ์ โดยไขมันที่เกิดการสะสมจนเกินพอดีเหล่านี้ก็นับเป็นหนึ่งในอันตรายร้ายแรงที่ก่อให้เกิดการอุดตันของทั้งเลือด หรือ ออกซิเจน ที่จะไปหล่อเลี้ยงยังเซลล์ หรือ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
ในส่วนของการวัดไขมันในช่องท้องนั้นมีวิธีที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยองค์การอนามัยโลกก็ยอมรับการวัดไขมันในช่องท้องด้วยวิธีนี้ด้วย นั่นก็คือ การนำตัวเลขรอบเอวที่วัดในหน่วยเซนติเมตรมาหารด้วยตัวเลขรอบสะโพกในหน่อยเซนติเมตรอีกเช่นกัน ซึ่งวิธีนี้ก็มีชื่อเรียกในระดับสากลว่า Waist-to-Hip Ratio Measurement โดย Waist-to-Hip Ratio Measurement ก็มีเกณฑ์มาตรฐานที่ไม่ควรเกินสำหรับเพศชายและเพศหญิง ดังนี้
รอบเอว (cm.) หารด้วย รอบสะโพก cm.)
• เพศชาย ปริมาณไขมันในช่องท้อง ไม่ควรเกิน 0.95
• เพศหญิง ปริมาณไขมันบริเวณช่องท้อง ไม่ควรเกิน 0.80
วิธีวัดไขมันในช่องท้อง ทำอย่างไรได้บ้าง?
การมีไขมันส่วนเกินในอวัยวะ ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัย ยิ่งเป็นการมี ไขมันในช่องท้อง ส่วนเกิน ยิ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในอนาคตได้ ซึ่งในสมัยนี้วิธีวัดไขมันในช่องท้องสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งคุณก็สามารถวัดได้ด้วยตัวของคุณเอง ดังนี้
1. Waist-to-Hip Ratio Measurement ซึ่งเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกยอมรับ ตามที่เราได้กล่าวไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้า
2. คำนวณตามสูตร ส่วนนี้ก็มีความสะดวกสบายอย่างมากในยุคออนไลน์ ซึ่งคุณสามารถเข้าโปรแกรมการคำนวณไขมันในช่องท้องตามเว็บสุขภาพ จากนั้นคุณก็กรอกข้อมูลเข้าไป เพียงเท่านี้คุณก็จะทราบถึงค่าดังกล่าว
3. คาลิปเปอร์ เป็นที่คีบหนีบชนิดพิเศษที่สามารถใช้หนีบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งต้นแขน ต้นขา และ ช่องท้อง เพื่อใช้วัดปริมาณของไขมัน รวมไปถึงยังใช้วัดส่วนของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
4. การชั่งน้ำหนักวัดไขมัน วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะง่ายและสะดวก แต่เครื่องชั่งที่ใช้นั้นต้องเป็นเครื่องชั่งชนิดพิเศษที่สามารถชั่งออกมาเป็นน้ำหนักของไขมัน และ น้ำหนักของมวลกายแยกกัน
ไขมันช่องท้องถ้าปล่อยให้มีมากเกินไป อันตรายอย่างไร?
สิ่งใดที่น้อยเกิน หรือ มากเกินไป มักไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอ เช่นเดียวกันกับ การที่ปล่อยให้ ไขมันในช่องท้อง สะสมมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เป็นบ่อเกิด ของการกลายเป็นไขมันช่องท้องอันตรายได้ เพราะนำมาสู่โรคต่าง ๆ ตามมาได้ ดังนี้
- โรคภูมิแพ้ ปริมาณไขมันที่เกินพอดีจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ จนทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น
- โรคไขมันในเลือดสูง เมื่อไขมันเกิดการสะสมในช่องท้องแล้วก็จะสามารถแพร่ขยายไปสู่เส้นเลือดได้ แล้วทำให้เกิดไขมันในเลือดสูงตามมา
- โรคหัวใจ ไม่เพียงแต่ไขมันจะเกาะอยู่บริเวณช่องท้องเท่านั้น ไขมันส่วนเกินเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนตัวไปเกาะยังหัวใจ อวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อีกด้วย
- โรคหยุดหายใจขณะหลับ ส่วนนี้เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะไขมันที่เกิดการสะสมบริเวณช่องท้องนั้นจะแพร่ขยายไปยังระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ โดยเฉพาะปอดแล้วทำให้เกิดการหยุดหายใจได้
- โรคเบาหวาน เพราะปริมาณไขมันที่มากเกินไปจะไปขัดขวางการเคลื่อนที่ของอินซูลิน จนทำให้เกิดภาวะเบาหวานประเภทที่ 2 ขึ้นได้
วิธีลดไขมันในช่องท้องแบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง?
ถ้าหากใครกำลังกังวลเกี่ยวกับโรคที่อาจตามมา หลังร่างกายมีภาวะของไขมันในช่องท้องสะสมมากเกินไป บทความนี้ขอพาทุกท่านมาพบกับเคล็ดลับการลดไขมันช่องท้องด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นวิธีลดไขมันในช่องท้องแบบธรรมชาติบำบัด ไม่เป็นอันตราย และ ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายอย่างแน่นอน ซึ่งมีวิธีดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร งดของทอด ของหวาน ของมัน ทานให้ครบถ้วนตามโภชนาการในปริมาณที่พอดี
2. ปรับพฤติกรรมการออกกำลังกาย ควรทำอย่างเป็นกิจวัตร และ หนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้ผลดีก็คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
3. ปรับพฤติกรรมการพักผ่อน พักผ่อนอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน
4. ปรับความคิด เป็นการปรับความคิดพิชิตความเครียด ลดความหิว ลดความเสี่ยงในการบริโภคเกินจำเป็น
5. แนะนำให้มีเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล ที่สามารถตรวจเช็กไขมันในช่องท้องได้ ติดบ้านเอาไว้ เพื่อที่จะได้ควบคุมอาหารและวางแผนสุขภาพได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
สรุป
ไขมันในช่องท้องหนึ่งในอันตรายที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้าสู่ร่างกายของเราทีละเล็กทีละน้อย จนรู้ตัวเมื่อสายเกิน อย่างไรก็ดีแม้เกิดไขมันช่องท้องขึ้นแล้ว ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ และ ปล่อยไว้จนไขมันในช่องท้องที่เป็นอยู่ยิ่งเพิ่มปริมาณ จนเป็นอันตรายมากตามไปด้วย ส่วนนี้จึงเป็นหน้าที่ของตัวคุณที่จะต้องปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ตามเคล็ดลับที่เราได้ให้ไว้บทความ เพื่อลดไขมันและทำให้คุณสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข