ปรับเพิ่ม เบี้ยผู้สูงอายุ ล่าสุด! เงินคนพิการ เงินเด็ก ไม่คัดกรองรายได้

เบี้ยผู้สูงอายุเด็กและคนพิการ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

         ปรับเพิ่ม เบี้ยผู้สูงอายุ คนพิการและเด็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบข้อเสนอ “การพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน”

        การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความสนใจในสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะการ เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และเด็ก โดยไม่คัดกรองรายได้ ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านควรทราบไว้ และเราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้แก่ทุกท่านในบทความนี้

สารบัญ

เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนพิการ และเด็ก ไม่คัดกรองรายได้

ปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ คนพิการ และเด็ก ในปี 2568 นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องคัดกรองรายได้ของผู้ที่ได้รับสิทธิ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเด็กและคนพิการ

ปรับเพิ่ม เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

การปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของผู้สูงอายุในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้

  • อายุ 60-69 ปี: เดือนละ 700 บาท (จากเดิม 600 บาท)
  • อายุ 70-79 ปี: เดือนละ 850 บาท (จากเดิม 700 บาท)
  • อายุ 80-89 ปี: เดือนละ 1,000 บาท (จากเดิม 800 บาท)
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป: เดือนละ 1,250 บาท (จากเดิม 1,000 บาท)

เบี้ยผู้พิการ

กลุ่มคนพิการรัฐเตรียมปรับเบี้ยความพิการเพื่อรองรับค่าครองชีพ โดยจะเพิ่มเป็น 1,000 บาท แบบถ้วนหน้าสำหรับ ผู้พิการทุกคน พร้อมดำเนินการให้ คนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ สามารถเข้าถึงสิทธิ์ได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม

ขยายเกณฑ์เงินอุดหนุนบุตร

  • เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 6 ปี
  • รับเงินในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน (เท่าเดิม)
  • ไม่ต้องคัดกรองรายได้ของครอบครัว

การปรับเกณฑ์เงินอุดหนุนบุตร และเพิ่มเบี้ยคนพิการ-เบี้ยผู้สูงอายุในอัตราใหม่ คาดว่าจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 หรือ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเปราะบางได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

เบี้ยผู้สูงอายุปรับใหม่ ปี 68 มีเงื่อนไขหรืออะไรเปลี่ยนไปบ้าง?

         เบี้ยผู้สูงอายุ จัดเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่ภาครัฐได้จัดสรรให้กับประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ที่กลายมาเป็นประเด็นในขณะนี้ก็เนื่องมาจากเกณฑ์การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ถูกปรับเปลี่ยน และประกาศออกมาใหม่ตามหลักเกณฑ์ในฉบับล่าสุด

เบี้ยผู้สูงอายุ

         ซึ่งมีการระบุว่าผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนดเท่านั้น สำหรับการรับเบี้ยคนชรา เงื่อนไขที่เหมือนและแตกต่างจากเดิม ดังนี้

เกณฑ์ที่เหมือนกัน :

         ทั้งส่วนของเกณฑ์เดิม และ เกณฑ์ใหม่จะมีเกณฑ์ในข้อเหล่านี้ที่เหมือนกัน คือ

  1. ต้องเป็นประชาชนที่มีสัญชาติไทย
  2. มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำร้องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

เบี้ยผู้สูงอายุ

เกณฑ์ที่แตกต่างกัน :

         มีส่วนของข้อความบางข้อความที่แตกต่างจากเดิมอย่างมีนัยยะ คือ

  1. ส่วนของแหล่งที่อยู่ในเกณฑ์เดิมจะใช้ข้อความว่า “ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน” ส่วนเกณฑ์ใหม่นั้นใช้ข้อความว่า “มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
  2. ส่วนของรายได้ในเกณฑ์เดิมจะใช้ข้อความว่า “ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัดบำนาญพิเศษ หรือ เงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่รวมถึงผู้พิการ หรือ ผู้ป่วยเอดส์ หรือ ผู้ได้รับสวัสดิการอื่นตามมติ ครม.”
  3. ส่วนเกณฑ์ใหม่นั้นใช้ข้อความว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือ มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด”
เช็กเลย! เงินผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 68 เข้าวันไหน? ต้องทำอย่างไรถึงจะได้รับสิทธิ์?

ขั้นตอนการยืนยันสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุ ปี 68 ต้องทำอย่างไรบ้าง

         หากคุณยังไม่เคยไม่ลงทะเบียนรับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุมาก่อนหน้านี้ และทำการอ่านกฎเกณฑ์และเช็กสิทธิ์แล้วว่า คุณยังคงอยู่ในเกณฑ์ได้รับเบี้ยคนชรา เงื่อนไขใหม่ในปี 2566 นี้ ก็สามารถที่จะลงทะเบียนยืนยันสิทธิ์ได้ ตามเกณฑ์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

เบี้ยผู้สูงอายุ

เกณฑ์ที่สามารถยืนยันสิทธิ์ได้

  1. เมื่อมีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ หรือ ผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน – 1 ตุลาคมของปีนั้น ๆ ไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ในวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน ของปีนั้น ๆ
  2. เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ในวันที่ มกราคม – กันยายนของปี 2568

สถานที่ในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

         โดยสถานที่ลงทะเบียนด้วยตัวเองในส่วนของต่างจังหวัดสามารถลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ เทศบาลประจำจังหวัด และ ในส่วนของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. ก็สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขต หรือ ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ซึ่งสังกัดอยู่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.

เบี้ยคนชรา เงื่อนไข

หลักฐานการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

         ในส่วนของหลักฐานรับเบี้ยผู้สูงอายุสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ

  • หลักฐานที่ใช้เมื่อผู้สูงอายุไปลงทะเบียนด้วยตนเอง มีดังนี้
  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่มีการลงชื่อ พร้อมข้อความสำเนาถูกต้อง จำนวน 1 ฉบับ
  2. สำเนาทะเบียนบ้านที่มีการลงชื่อ พร้อมข้อความสำเนาถูกต้อง จำนวน 1 ฉบับ
  3. สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่มีการลงชื่อ พร้อมข้อความสำเนาถูกต้อง จำนวน 1 ฉบับ
  • หลักฐานที่ใช้เพิ่มเติมในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนด้วยตนเองได้ มีดังนี้
  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจที่มีการลงชื่อ พร้อมข้อความสำเนาถูกต้อง จำนวน 1 ฉบับ
  2. สำเนาทะเบียนบ้านผู้รับมอบอำนาจที่มีการลงชื่อ พร้อมข้อความสำเนาถูกต้อง จำนวน 1 ฉบับ
  3. หนังสือมอบอำนาจที่มีการลงรายละเอียดและการลงชื่อจากผู้มอบอำนาจ และ ผู้รับมอบอำนาจ
เช็กสิทธิบัตรทอง ทำอย่างไร? จ่าย 30 บาทรักษาทุกโรคจริงไหม? เช็กเลย!

ผู้ที่เคยได้รับเบี้ยผู้สูงอายุอยู่แล้ว หากไม่มีคุณสมบัติตามปี 68 จะโดนยกเลิกไหม?

         ยังคงเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยของหลาย ๆ ท่านว่าผู้ที่เคยได้รับเบี้ยผู้สูงอายุมาก่อนนั้น จะถูกยกเลิกสิทธิ์หากไม่เข้าเกณฑ์ที่ประกาศออกมาใหม่นี้หรือไม่ ซึ่งผู้ที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุก่อนปี 2568 จะยังคงได้รับเช่นเดิม แม้ว่าเบี้ยผู้สูงอายุ ปรับใหม่ในเกณฑ์แรกเข้าก็ตาม เว้นแต่ว่าคุณจะมีสิทธิ์ดังต่อไปนี้ ที่จะไม่สามารถรับได้

เบี้ยผู้สูงอายุ

เงื่อนไขผู้ที่ไม่สามารถรับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุได้

  1. ผู้ที่มีสิทธิ์รับผลประโยชน์จากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรื่อหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเช่น เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ
  2. เงินพิเศษในส่วนอื่น ๆ ที่เหมือนกับเงินยังชีพ อย่างเช่น ผู้สูงอายุที่เคยมีเงินเดือนประจำ หรื่อจากหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น

กรณีไหนที่สิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ปี 68 สิ้นสุดลง

         นอกจากว่าปี 2568 นี้จะมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การให้เบี้ยผู้สูงอายุแล้วนั้น ก็ยังมีเกณฑ์ที่ทำให้ผู้ที่เคยมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้นสามารถสิ้นสุดการรับสิทธิ์ได้เช่นกัน โดยการที่เบี้ยคนชราล่าสุดนั้นจะสิ้นสุดลง มีใน 3 กรณีด้วยกัน ดังต่อไนี้

เบี้ยคนชรา

กรณีที่สิทธิ์ผู้สุงอายุสิ้นสุดลง

  1. กรณีที่ผู้มีสิทธิ์เสียชีวิต
  2. กรณีที่ผู้มีสิทธิ์ขาดคุณสมบัติตามเกณฑ์กำหนด
  3. กรณีที่ผู้มีสิทธิ์แจ้งสละสิทธิ์ด้วยตนเอง

สรุป

        เบี้ยผู้สูงอายุ เป็นสิทธิพื้นฐานสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งในปี 2568 นี้ได้มีการปรับเพิ่มเบี้ยให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ รวมถึง การปรับเพิ่มเบี้ยคนพิการและเงินอุดหนุนบุตร ในอัตราใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย และประชาชนควรศึกษาข้อมูลเพื่อทราบสิทธิ์ของตนเอง

         และยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปทั้งภาคประชาชนเอง ภาคของการเมืองการปกครอง รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเราในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งก็ควรศึกษาข้อมูลจากบทความข้างต้นไว้เพื่อให้ทราบสิทธิ์ที่พึงมีของตนเอง

บทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม

Website ของเรามีการเก็บ cookies เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ... อ่านเพิ่มเติม นโยบายคุกกี้

Close Popup