สุขภาพ
เลือดกรุ๊ปบี ห้ามกินอะไร? มาเช็กความเสี่ยงโรคร้ายสไตล์กรุ๊ปเลือดตัวแม่!!
ต.ค.
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ช่วงนี้วลี “ฉันเลือดกรุ๊ปบี” จากเพลงเลือดกรุ๊ปบีของคุณเอิ๊ก-อีสมารูอ้วยกำลังมาแรงมาก เรียกได้ว่าหันไปทางไหนก็มีแต่คนเลือดกรุ๊ปบีเต็มไปหมด แต่รู้หรือไม่ว่า เลือดกรุ๊ปบีเสี่ยงโรคร้ายบางอย่างมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น!! บอกเลยว่า ไม่ได้เป็นเพราะพื้นดวงหรือราศีของดวงดาว แต่เป็นเพราะกรุ๊ปเลือดบีจะมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกับกรุ๊ปอื่น แม้จะการันตีผลไม่ได้ 100% แต่ก็อยากให้ตัวแม่แคร์ไว้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังและหันมาดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
สารบัญ
ความเสี่ยงโรคร้ายที่ชาว “เลือดกรุ๊ปบี” ต้องระวัง!
กรุ๊ปเลือด คือ การแยกความแตกต่างของเลือดแต่ละแบบ โดยดูจากสารแอนติเจน (Antigen) ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปเป็นหลัก ซึ่งจากการศึกษาจากหลาย ๆ แหล่งพบว่า คุณสมบัติที่แตกต่างกันของกรุ๊ปเลือดเหล่านี้ ทำให้แต่ละกรุ๊ปเลือดนั้นมีความแข็งแรง และความเสี่ยงต่อโรคที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ขอพูดถึงความเสี่ยงการเกิดโรคของชาวเลือดกรุ๊ปบี ที่เสี่ยงกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ มาฝากกันค่ะ
มะเร็งตับอ่อน
จากการศึกษาของศูนย์มะเร็งวิทยา มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า คนเลือดกรุ๊ปบี มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับอ่อนมากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่นถึง 72% เนื่องจากส่วนหนึ่งของยีนส์กำหนดกรุ๊ปเลือด ที่อยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 9 เอื้อต่อการเกิดและเติบโตของเซลล์มะเร็งตับอ่อนได้มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น
นอกจากนี้ โมเลกุลในเซลล์เม็ดเลือดแดงของเลือดกรุ๊ปบี ยังเอื้อให้เชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ เอชไพโลไร (H.Pylori) เติบโตได้ดีขึ้นในลำไส้และกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ล้อมรอบตับอ่อน จึงอาจเหนี่ยวนำทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับอ่อนหรือมะเร็งกระเพาะอาหารได้
โรคเบาหวาน ชนิดที่ 2
บทความเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ใน Diabetologia วารสารของสมาคมยุโรปเพื่อการศึกษาโรคเบาหวาน ได้ศึกษาไว้ว่า คนเลือดกรุ๊ปบีอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (ชนิดดื้ออินซูลิน) มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ป B+ เนื่องจากในเลือดกรุ๊ปบีมีโมเลกุลบางชนิดที่ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินได้ง่าย จึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น
โรคเบาหวาน สาเหตุ เกิดจากอะไร? กินของหวาน เสี่ยงเป็นเบาหวานจริงหรือไม่?โรคหัวใจ
จากการศึกษาของนักวิจัยวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งฮาร์วาร์ด (Harvard School of Public Health) พบว่าผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปบีเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจถึง 11% เมื่อเทียบกับกรุ๊ปเลือดอื่น เพราะเลือดกรุ๊ปบีมีความเชื่อมโยงกับคลอเรสเตอรอลชนิด LDL (ไขมันเลว) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
นอกจากนี้ จากการศึกษาในวารสารการแพทย์ American Heart Association พบว่า แอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของเลือดกรุ๊ปบี มียีนส์พิเศษชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดหรือเลือดจับตัวกันได้ง่าย จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหัวใจวาย อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตันได้มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น
อาการของโรคหัวใจ ความรุนแรงที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบฉับพลันภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน – เส้นเลือดขอด
เนื่องจากเลือดกรุ๊ปบีนั้นจับตัวกันได้ง่าย นอกจากจะเสี่ยงเป็นโรคหัวใจแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน และเส้นเลือดขอด โดยจากการศึกษาของคณะแพทย์จากโรงพยาบาล Herlev ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่ได้ศึกษาจากผู้ทดสอบจำนวน 60,001 คน เป็นเวลานานถึง 33 ปี พบว่า กรุ๊ปเลือดมีผลต่อการเกิดภาวะเส้นเลือดขอดถึง 20%
เส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยที่ขาเป็นมากกว่าแค่ขาไม่สวย!ภาวะสมองเสื่อม และโรคหลอดเลือดสมอง
บทความของศูนย์การแพทย์เชิงวิชาการ Penn Medicine ได้กล่าวไว้ว่า ชาวเลือดกรุ๊ปบีมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน มักมีระดับคอเลสเตอรอล และความดันโลหิตที่สูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองถดถอยและมีปัญหาเรื่องความจำ ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นภาวะสมองเสื่อมถึง 82% รวมทั้งเลือดที่จับตัวกันเป็นก้อนลิ่มได้ง่าย จึงอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดบริเวณสมอง อาจส่งผลทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
รู้หรือไม่?! ภาวะสมองเสื่อม ≠ อัลไซเมอร์ มาเช็กความต่างของสองโรคนี้กัน!!ปัจจัยเสี่ยงข้างต้น เป็นงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่ง ที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการใช้ชีวิต ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคร้ายเหล่านี้
เลือดกรุ๊ปบี ห้ามกินอะไร?
เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์สุขภาพที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มมาจากการศึกษาของ Dr.Perer J.D’Adammo แพทย์ทางเลือก ซึ่งได้รับรางวัลแพทย์ธรรมชาติบำบัดยอดเยี่ยมจากอเมริกา เขาใช้เวลาในการศึกษาเรื่อง “การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด” ถึง 30 ปี จนได้เขียนผลทดสอบและข้อสรุปไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า Eat Right for your Type
โดยเขาได้อธิบายไว้ว่า ในอาหารแต่ละชนิด จะมีโปรตีนที่เป็นอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า เลคติน (lectin) ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหนียวจับเกาะติดกับเลือด หากทานอาหารที่มีเลคตินซึ่งไม่เข้ากับแอนติเจนของกรุ๊ปเลือดเข้าไปมาก ๆ เลคตินจะไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การสร้างอินซูลิน การเผาผลาญอาหาร และความสมดุลของฮอร์โมน จึงเป็นเหตุที่ควรเลี่ยงอาหารที่มีเลคตินที่ไม่เหมาะกับกรุ๊ปเลือด
เลือดกรุ๊ปบี ห้ามกินอะไร? และกินอะไรถึงจะดี?
จากการศึกษาก็พบว่า ชาวเลือดกรุ๊ปบีมีระบบการย่อยอาหารที่ดีกว่าเลือดกรุ๊ปอื่น จึงทำให้กินอาหารต่าง ๆ ได้ง่าย แต่น้ำหนักก็ขึ้นง่าย แถมยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ เป็นภูมิแพ้หรือเป็นหวัดบ่อย อีกทั้งยังชอบมีอาการปวดตามข้อ จึงแนะนำให้กินอาหารที่เน้นย่อยง่าย และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเมตาบอลิซึมทำงานได้ดี
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- เนื้อไก่ (เว้นไก่งวง) หอยเชลล์ หอยแครง ปลาแซลมอน กุ้ง และปู เพราะมีเลคตินที่รบกวนระบบเลือดอย่างมาก
- ควรละเว้นถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่วต่าง ๆ โดยเฉพาะถั่วลิสง ถั่วดำ และงา เพราะจะส่งผลกับระบบอินซูลิน ทำให้เกิดการลดน้ำตาลในเลือดแบบเฉียบพลัน
- อาหารทุกชนิดที่มีส่วนประกอบของข้าวโพด แป้งสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ เพราะมีผลต่อระบบเผาผลาญอาหารและจะทำให้น้ำหนักยิ่งเพิ่มขึ้นง่าย
- ควรเลี่ยงผัก-ผลไม้ ได้แก่ มะเขือเทศ ข้าวโพด ลูกพลับ ทับทิม และลูกแพร์ เนื่องจากส่งผลเสียต่อกระเพาะและระบบการย่อยอาหาร
- ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ น้ำโซดา และน้ำแร่
อาหารที่กินได้ดี
- ผลิตภัณฑ์จากนมเนยไข่ เช่น นมสด ชีส เนย โยเกิร์ต ไข่ไก่ หรือนมพร่องมันเนย เพราะชาวกรุ๊ปเลือดบีจะย่อยอาหารจำพวกนี้ได้ง่าย อีกทั้งน้ำตาลที่พบในเลือดกรุ๊ปบีนั้น มีความคล้ายคลึงกับน้ำตาลที่พบในนม ร่างกายจึงเปลี่ยนอาหารจำพวกนี้เป็นพลังงานได้เร็ว
- เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย ไก่งวง และปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ ปลาจาระเม็ด
- ควรรับประทานมากผักมาก ๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย เน้นผักใบเขียว กล้วย และสับปะรด
- ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ส่วนข้าวเจ้า และแป้งข้าวเจ้า สามารถทานได้บ้างตามโอกาส
- ชาสมุนไพร เช่น ชาขิง ชาเขียว และชาเปปเปอร์มินต์
สรุป
กรุ๊ปเลือดและความเสี่ยงโรคร้าย เป็นงานวิจัยที่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป แม้จะการันตีผลไม่ได้ 100% แต่เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบกับการดำเนินชีวิตเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาจริง ๆ ไม่ใช่เพราะเราเป็นเลือดกรุ๊ปบี แต่คือการไม่ดูแลสุขภาพและทานอาหารที่ไม่ถูกตามหลักโภชนาการ ดังนั้น มาลดความเสี่ยงโรคร้าย ด้วยการกินให้ถูก นอนให้เต็มอิ่ม และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
CancerConnect & Maven Health Network
งานธนาคารเลือด โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ