บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มีดาราและไอดอลหลายคน ป่วยและเสียชีวิตจากโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากผลสำรวจ ปี 2563 คนไทยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากว่า 2.9 ล้านคน จะเห็นได้เลยว่า โรคซึมเศร้านี้ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด แล้ว โรคซึมเศร้า อาการ เป็นอย่างไร? ต้องมีความเศร้ามากน้อยแค่ไหน? ALLWELL อยากจะชวนทุกท่าน มารู้จักและเฝ้าระวังภัยร้ายนี้กันค่ะ
สารบัญ
- โรคซึมเศร้า อาการ เป็นอย่างไร?
- โรคซึมเศร้า อาการ แตกต่างจากความเศร้าปกติอย่างไร?
- โรคซึมเศร้าเป็นแล้วหายไหม?
- ดูแลตัวเองอย่างไร หากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้า อาการ เป็นอย่างไร?
โรคซึมเศร้า (Depression disorder) เกิดจากการที่สมองหลั่งสารผิดปกติ ได้แก่ โดปามีน (dopamine) สารเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจเพียงอย่างเดียวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด เมื่อสารเคมีเหล่านั้นผิดปกติร่างกาย พฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ ก็เกิดความแปรปรวน และนำไปสู่อาการต่าง ๆ โดยมีสาเหตุ ดังนี้
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า
- สถานการณ์เลวร้ายในชีวิต เช่น โดนทำร้าย ถูกข่มขืน ตกงาน ผิดหวังจากความรักหรือการเรียน สิ่งเหล่าจะทำให้เกิดความผิดหวังและความเศร้า หากไม่ได้รับการเยียวยาหรือรักษา จะนำไปสู่โรคซึมเศร้า
- ผลข้างเคียงของการเป็นโรคร้ายหรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ภาวะไทรอยด์ทำให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ โรคลมชัก โรคสมองเสื่อม
- พันธุกรรม จากการสำรวจพบว่า หากมีฝาแฝดคนหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ฝาแฝดอีกคนมีโอกาสเป็นสูงถึง 60 – 80% หากคนในครอบครัวที่เป็นญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง) ที่เป็นโรคซึมเศร้า จะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไปถึง 20%
- ผู้สูงอายุ เมื่อเข้าสู่วัยนี้ จะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย เนื่องจากอารมณ์และความรู้สึกแปรปรวน หรือความเศร้าจากการใช้ชีวิต เช่น อยู่คนเดียว ไม่มีลูกหลานดูแล
อาการโรคซึมเศร้า
- มีอาการเศร้า รู้สึกโดดเดี่ยว หดหู่ ผิดหวัง ไม่มีความสุข
- การเคลื่อนไหวเชื่องช้า กระสับกระส่ายผิดปกติ ไม่มีสมาธิ ไม่อยากทำอะไร
- นอนไม่หลับ นอนน้อยหรือมากเกินกว่าปกติ มีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน
- เหนื่อยง่าย หมดเรี่ยวแรง หงุดหงิดง่าย
- เบื่ออาหาร กินมากหรือน้อยจนเกินไป ส่งผลให้น้ำหนักตัวขึ้นหรือลดลงจนผิดปกติ
- มองโลกในแง่ร้าย คิดด้านลบ มองว่าตัวเองไร้ค่า หรือรู้สึกเกลียดตัวเอง
- มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายตนเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้นหลายข้อ และเป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 14 วัน คุณอาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า และควรเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์โดยเร็ว
โรคซึมเศร้า อาการ แตกต่างจากความเศร้าปกติอย่างไร?
หลายคนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ อาจมีความสงสัยว่า อาการที่ตนพบอยู่นั้นใช่อาการของโรคซึมเศร้าหรือเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ภาวะหรือความเศร้าตามปกติเท่านั้น ต้องบอกเลยว่า โรคซึมเศร้าและอาการเศร้าแบบทั่วไปนั้น มีส่วนนที่คล้ายและแตกต่างกัน โดยอาการเศร้าแบบทั่วไป มักจะเป็นดังนี้
อาการเศร้าแบบทั่วไป
- รู้สึกเศร้า ผิดหวัง หดหู่ ท้อแท้ ไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงสดใส แต่บางครั้ง ความเศร้าเหล่านี้ก็สามารถทำให้หายไปได้ ด้วยการทำสิ่งที่ชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เพื่อให้ลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะ
- พฤติกรรมการกินและการนอนมากหรือน้อยจนผิดปกติไป อาจมีน้ำหนักขึ้นหรือลงบ้าง แต่โดยรวมจะสามารถกินและนอนตามความต้องการของร่างกายได้
- กิจวัตรในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ในเรื่องของการเรียนหรือการทำงาน แต่ยังสามารถทำกิจวัตรเหล่านั้นได้
- รู้สึกเหนื่อยง่าย เบื่อหน่าย ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในระยะเวลาไม่นานเท่าโรคซึมเศร้า
- ไม่มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย แต่ในบางรายอาจมีพฤติกรรมเหล่านี้บ้าง แต่ไม่รุนแรงเหมือนกับโรคซึมเศร้า แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการฟื้นฟูและเยียวยาจิตใจ จะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคซึมเศร้าในที่สุด
หากอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วคุณยังไม่แน่ใจว่าคุณมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมแศร้าหรือไม่? ลองทำ>>แบบทดสอบโรคซึมเศร้าจากกรมสุขภาพจิต <<เพื่อวัดความเสี่ยงและระดับอาการได้ค่ะ
โรคซึมเศร้า เป็นแล้วหายไหม?
โรคซึมเศร้า สามารถรักษาให้หายได้ ยิ่งพบเร็ว ยิ่งรักษาได้เร็ว โอกาสที่จะหายจากโรคนี้มีสูงมาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องสำรวจตนเอง เพื่อที่จะได้เฝ้าระวังโรคนี้ได้ หากรู้ตัวว่าตนเองเข้าข่ายโรคซึมเศร้า ให้รีบไปพบจิตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเข้ารับคำวินิจฉัย และรักษาต่อไป โดยมีวิธีการรักษา ดังนี้
การรักษาโรคซึมเศร้า
- รักษาด้วยการบำบัด ฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยจะให้ผู้ป่วยพูดคุยกับจิตแพทย์ถึงสาเหตุและอาการ เพื่อที่จะได้ประเมินระดับความรุนแรง และหาวิธีการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ลงได้
- รักษาด้วยการใช้ยา เนื่องจากโรคซึมเศร้า เป็นอาการที่เกิดจากสารในสมองหลั่งผิดปกติ ดังนั้นผู้ป่วย จะต้องกินยารักษาโรคซึมเศร้า เพื่อรักษาควบคู่ไปกับการบำบัดทางจิตใจ โดยที่จะต้องเป็นยาที่ถูกจ่ายจากจิตแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น หากซื้อกินเองอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายหรืออาการทรุดลงได้
หลายท่านอาจสงสัยว่า โรคซึมเศร้าเป็นแล้วหายเองได้ไหม? ไม่ไปหาหมอได้หรือเปล่า? จริง ๆ แล้วโรคซึมเศร้าไม่สามารถหายเองได้นะคะ
เนื่องจากเป็นโรคที่สารทั้ง 3 ชนิดในสมองไม่สมดุลกัน ทำให้เกิดอาการของโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องเข้าพบจิตแพทย์ เพื่อประเมินอาการ และจ่ายยาเพื่อรักษาตามความรุนแรงของอาการที่เป็น หากปล่อยไว้ อาการจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การไปพบจิตแพทย์ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดค่ะ เพื่อที่จะได้หายขาด และไม่กลับมาเป็นโรคนี้ซ้ำนะคะ
ดูแลตัวเองอย่างไร หากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
หากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากการเข้าพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาแล้ว การดูแลตนเองควบคู่ไปด้วยก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
- ดูแลตนเองให้ร่างกายแข็งแรง พยายามกินอาหาร และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หางานอดิเรก หรือกิจกรรมยามว่าง เพื่อให้ลืมเรื่องความเศร้า เช่น การไปเป็นจิตอาสา การเข้าชมรมต่าง ๆ
- ฝึกการมองโลกในแง่ดี ให้กำลังใจตัวเอง ไม่ทำอะไรที่รู้สึกเครียด
- พาตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ เช่น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เพราะโดนทำร้ายร่างกาย แก้ไขโดยการพาตัวเองออกมาจากคนเหล่านั้น หรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- ให้เวลากับตัวเอง ได้ทำอะไรที่ชอบ หรือทำแล้วเกิดความสุข หมั่นสร้างรอยยิ้มให้กับตัวเองอยู่เสมอ
สรุป
โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่อันตรายมาก ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้าม หากมีอาการเศร้าหรือมีอาการที่เข้าข่ายโรคนี้ ให้รีบพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาทางป้องกันโดยเร็ว สิ่งสำคัญ คือการที่ผู้ป่วยจะต้องดูแลตนเอง ทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่ไปด้วย และหากคุณมีคนที่รักป่วยเป็นโรคนี้ล่ะก็ อย่าลืมที่จะมอบความรักและให้กำลังใจเขาเหล่านั้น ให้หายกลับมาเป็นปกตินะคะ
BED & MATTRESS PRODUCT
ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่ ฆพ.816/2563 *อ่านคำเตือนในฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้
จัดจำหน่าย บริษัท ฟาร์ ทริลเลียน จำกัด 73,75 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ10700