บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เท่านั้น “ทางบริษัทไม่สามารถให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลได้” หากท่านมีความกังวล และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน เป็นกระแสการลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก เพราะหลายคนที่ผ่าตัดล้วนได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้ ดังนั้นเราจะมาพูดถึงการผ่าตัดลดขนาดกระเพราะว่าคืออะไร ทำแล้วผอมจริงไหม และมีความเสี่ยงหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลให้หลายคนได้ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจทำนั่นเอง
สารบัญ
- ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ทำให้ผอมได้จริงเหรอ
- ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วนไม่จำเป็น หมอไม่ได้สั่ง ไม่ควรทำ!
- เจ็บแต่ไม่จบ ผ่าตัดแล้วก็ยังต้องดูแลตัวเองต่อด้วย
- รวมเรื่องน่ารู้กับการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน
ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ทำให้ผอมได้จริงเหรอ
การผ่าตัดกระเพราะลดความอ้วน คือ การผ่าเอากระเพาะอาหารบางส่วนออกไปเพื่อให้มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น อีกทั้งการผ่าตัดยังส่งผลให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลงด้วย เพราะฮอร์โมนบางส่วนที่ทำให้รู้สึกหิวได้ถูกตัดออกไปพร้อมกับกระเพราะด้วยนั่นเอง ดังนั้นเมื่อทานอาหารน้อยลง น้ำหนักก็จะลดลงและผอมได้จริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่การปฏิบัติตัวของแต่ละคนด้วยว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากน้อยแค่ไหน
อ่านบทความ : อยากผอมกินยาลดความอ้วนสิ ผอมเร็ว แต่อันตรายเสี่ยงเสียชีวิตไว!ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วนไม่จำเป็น หมอไม่ได้สั่ง ไม่ควรทำ!
ขึ้นชื่อว่าการผ่าตัด ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ การตัดกระเพาะลดความอ้วนก็เช่นกัน แม้จะช่วยให้คนที่ลดน้ำหนักยากผอมได้ดั่งใจจริงๆ แต่ก็มีข้อเสียที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วการจะผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วน ควรให้แพทย์เป็นผู้สั่งจะดีกว่า เนื่องจากต้องพิจารณาหลายๆ อย่าง ว่าสภาพร่างกายของคุณพร้อมที่จะทำการผ่าตัดได้หรือไม่ โดยมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย
ความเสี่ยงจาการผ่าตัดกระเพาะอาหาร มีดังนี้
- วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่ ทำให้อาการแย่ลงได้ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถทำได้หรือไม่
- มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป เช่น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่า อย่างภาวะกระเพาะรั่ว ลิ่มเลือดดำอุดตัน หรือมีเลือดออกในช่องท้อง เป็นต้น
- แผลในกระเพาะที่ตัดออก อาจเกิดการตีบได้ ซึ่งเกิดจากการตัดกระเพาะออกมากเกินไปนั่นเอง
- อาจเกิดอาการกรดไหลย้อนได้
เจ็บแต่ไม่จบ ผ่าตัดแล้วก็ยังต้องดูแลตัวเองต่อด้วย
หลังจากผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน แน่นอนว่าเจ็บแล้วแต่ยังไม่จบ ทุกท่านควรดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยและให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยหลังการผ่าตัด เราควรดูแลตัวเองอย่างไร บทความนี้ Allwell ได้รวบรวมวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยวิธีดังต่อไปนี้
วิธีการดูลตัวเองหลังผ่าตัด มีดังนี้
- ปรับพฤติกรรมการกินตามที่นักโภชนาการกำหนด ซึ่งจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้กระเพาะอาหารมีการปรับตัว และไม่เกิดผลกระทบต่อแผลที่ผ่าในกระเพาะ โดยส่วนใหญ่ช่วงเดือนแรกจะทานได้เฉพาะอาหารอ่อนๆ เท่านั้น แล้วจึงค่อยปรับเป็นอาหารปกติ
- ดูแลแผลหลังจากผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีตามที่แพทย์แนะนำ และพยายามอย่าให้บริเวณแผลผ่าตัดได้รับการกระทบกระเทือน
- ดื่มน้ำให้มากๆ และทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งแม้ว่าจะทำการผ่าตัดกระเพาะมาแล้ว ก็ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเยอะ น้ำตาลสูงเช่นเดิม
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วมากขึ้น และยังส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
- ไปพบแพทย์ตามนัด เพราะแพทย์จะต้องติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
รวมเรื่องน่ารู้กับการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน
ทุกท่านคงทราบเบื้องต้นเกี่ยวกับ ผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ไปบ้างส่วนแล้ว แน่นอนว่าการตัดสินใจที่จะผ่าตัดอะไรสักอย่างคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขึ้นชื่อว่า การผ่าตัดก็คงมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเรามาทำความรู้จักอีกสักหน่อยกับการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน นอกจากเรื่องที่เราได้กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1.ใครบ้างที่สามารถผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักได้
ผู้ที่สามารถผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วนได้จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีภาวะโรคอ้วน โดยวัดจากค่า BMI ที่มากกว่า 32.5 ที่สำคัญจะต้องไม่เป็นบุคคลที่มีข้อห้ามในการผ่าตัด และได้ลองวิธีอื่นๆ มาแล้วแต่ไม่ได้ผล สุดท้ายจึงต้องใช้วิธีตัดกระเพาะเป็นทางเลือกสุดท้ายนั่นเอง
2.หลังผ่าตัดกระเพาะจะกลับมาอ้วนอีกหรือไม่
จากเคสที่ผ่านมา การผ่าตัดกระเพาะพบว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก โดยในระยะแรกทุกคนจะมีน้ำหนักที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว ไม่หิวจุกจิกตลอดวัน แต่ทั้งนี้ในระยะยาว หากมีการควบคุมพฤติกรรมการกินได้ไม่ดี ขาดการออกกำลังกาย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะกลับมาอ้วนอีกได้เหมือนกัน
3.ผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทำได้กี่วิธี
การผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วน สามารถทำได้ 3 วิธี นั่นคือ การส่องกล้อง การผ่าตัดบายพาส และการเย็บกระเพาะ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคลว่าเหมาะกับวิธีไหนมากกว่า
4.ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนผ่าตัด
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก จะต้องเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายและความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อน รวมถึงประเมินวิธีการรักษา โดยก่อนถึงวันผ่าตัดจะต้องงดสูบบุหรี่ 2-3 สัปดาห์ และงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน
สรุป
สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก เป็นโรคอ้วนที่มีค่า BMI มากกว่า 32.5 และลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแล้วแต่ไม่ได้ผล การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณมีหุ่นที่สวยขึ้นได้ และยังได้ปรับพฤติกรรมการกินใหม่ให้เหมาะสมอีกด้วย แต่ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลให้ดี และต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง เพราะการผ่าตัดย่อมมีผลข้างเคียงและความเสี่ยงเสมอ จึงต้องเช็กสภาพร่างกายว่ามีความพร้อมมากแค่ไหน และต้องอยู่ในการติดตามดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดตลอดการรักษาด้วย