เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวชายเสียชีวิตจากการกินทุเรียนกับเบียร์ สร้างความตกใจให้กับคนรักทุเรียนหลายคนที่อาจจะยังไม่รู้ว่า ทุเรียนก็ก่อให้เกิดอันตรายได้หากกินไม่ถูก มาดูกันว่า ทุเรียนห้ามกินกับอะไร? มีโรคประจำตัวกินได้ไหม? และต้องกินอย่างไรถึงจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายกันค่ะ
สารบัญ
- ทุเรียนห้ามกินกับอะไร? ทำไมถึงต้องห้าม?
- เป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ กินทุเรียนได้ไหม?
- How to กินทุเรียนอย่างไรให้ปลอดภัย แถมส่งผลดีต่อร่างกาย
ทุเรียนห้ามกินกับอะไร? ทำไมถึงต้องห้าม?
สายรักทุเรียนหลายคน อาจจะยังไม่รู้ว่า ทุเรียนห้ามกินกับอะไร เพราะคิดว่าทุเรียนก็เป็นผลไม้ทั่วไปชนิดหนึ่ง ซึ่งผลไม้ก็ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่แท้จริงแล้ว ทุเรียนนั้นหากกินไม่ถูก อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ เนื่องจากในทุเรียนมีสารอาหารหลายอย่าง ที่เมื่อกินคู่กับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสารประกอบบางอย่าง จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
เนื่องจากในทุเรียนมีคุณค่าทางอาหารสูง และให้พลังงานสูงเช่นกัน (ประมาณ 124 กิโลแคลอรี/100 กรัม) และยังอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม นอกจากนี้ในทุเรียนยังมีสารประกอบซัลเฟอร์หรือกำมะถัน ด้วยสารประกอบเหล่านี้ หากรับประทานอย่างถูกต้อง ก็สามารถสร้างคุณประโยชน์กับร่างกายได้ แต่หากรับประทานแบบผิด ๆ ก็อาจส่งผลเสียถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน
ทุเรียนห้ามกินกับอะไรบ้าง?
1.แอลกอฮอล์
หลายคนที่ไม่รู้มักเอาทุเรียนมากินคู่กับเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะ เพราะทุเรียนจะทำให้เอนไซม์ ALDH ที่มีหน้าที่ในการขับสารแอลกอฮอล์ทำงานได้ลดลง และอาจไปเสริมพิษของเหล้าให้มากขึ้น ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น หน้าแดง เวียนศีรษะ อาเจียน หายใจเร็ว ในบางรายอาจรุนแรงทำให้หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้เลยค่ะ
นอกจากนี้ ทั้งทุเรียนและแอลกอฮอล์ ยังให้พลังงานสูงมากและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ร่างกายต้องเร่งเผาผลาญพลังงาน ซึ่งนั่นส่งผลให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูงมากขึ้น และด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ จนระดับเกลือแร่ผิดปกติ และน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้เลยค่ะ
2. น้ำอัดลม ผลไม้น้ำตาลสูง และขนมหวาน
รู้หรือไม่คะว่า ทุเรียนนั้นมีน้ำตาลและพลังงานสูงมาก โดยทุเรียน 1 เม็ด (ประมาณ 40 กรัม) มีน้ำตาลสูงถึง 18 กรัม (ในหนึ่งวันร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 กรัม ในเด็กเล็กและผู้สูงอายุไม่เกิน 16 กรัม) และมีพลังงานมากถึง 60 กิโลแคลอรี แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ไม่มีใครกินทุเรียนต่ำกว่า 1 เม็ดใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งนั่นจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลและพลังงานที่สูงเกินความจำเป็นค่ะ
ยิ่งโดยเฉพาะคนที่กินทุเรียนคู่น้ำอัดลม ผลไม้น้ำตาลสูง ของพวกขนมหวาน บอกเลยว่าจะยิ่งทำให้น้ำตาลในเลือดเรานั้นสูงปรี๊ดเลยล่ะค่ะ ซึ่งหากป่วยเป็นเบาหวาน หรือโรคหัวใจ ก็อาจถึงขั้นช็อกจนเสียชีวิตได้ ส่วนในคนทั่วไปอาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์อย่างอาการแน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และหากเผาผลาญได้ไม่หมดก็จะกลายเป็นไขมันซึ่งทำให้อ้วน ดังนั้น ไม่ควรกินทุเรียนคู่กับอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงดีกว่านะคะ
3.กาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง
มีการรายงานว่า การกินทุเรียนคู่กับกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลัง จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ไม่สบายตัว อีกทั้งเครื่องดื่มเหล่านี้เองก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน จึงไม่ควรกินคู่กับทุเรียนค่ะ ซึ่งมีรายงานพบผู้ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันจากการกินทุเรียนคู่กับกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังมาแล้ว ดังนั้น ไม่แนะนำให้กินคู่กันดีกว่าค่ะ
บทความ : ไม่กินกาแฟแล้วปวดหัว! แก้ได้ด้วย 7 วิธีเลิกกาแฟแบบไม่ต้องหักดิบ!เป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ กินทุเรียนได้ไหม?
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว แล้วรู้สึกอยากกินทุเรียน แต่ไม่แน่ใจว่าด้วยโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ จะสามารถกินทุเรียนได้ไหม ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยเหตุผลเรื่องสารประกอบในทุเรียนต่าง ๆ ที่แม้แต่ในคนที่มีร่างกายแข็งแรงปกติยังก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น คนที่มีโรคประจำตัว ควรต้องระวังเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะโรคดังต่อไปนี้
- โรคเบาหวาน เนื่องจากทุเรียนมีน้ำตาลสูง จึงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ไม่สบายตัว ร้อนใน หรืออาการเบาหวานแย่ลง ยิ่งผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ หากกินในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ช็อกจนเสียชีวิตได้
- โรคความดันโลหิตสูง ทุเรียนที่มีฤทธิ์ร้อน อาจส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ อีกทั้งผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จะต้องควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ดังนั้น การกินทุเรียนอาจทำให้ผู้ป่วยมีความดันโลหิตสูง จนอาจควบคุมไม่ได้
- โรคไต ในทุเรียนประกอบด้วยฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง ซึ่งผู้ป่วยโรคไตมีความสามารถในการขับสารเหล่านี้ได้น้อย เกิดภาวะที่สารตกค้าง มีปริมาณมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้อาการไตที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้
- โรคหลอดเลือดหัวใจ การกินทุเรียนในปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ รวมทั้ง ในทุเรียนมีไขมันสูง อาจไปเพิ่มระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจได้
- โรคเกาต์ เนื่องจากผู้ป่วยโรคเกาต์ จะเสี่ยงเป็นโรคแทรกซ้อนหรือโรคร่วมสูงมาก โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง ซึ่งทุเรียนมีทั้งน้ำตาลและไขมันสูง หากกินในปริมาณมากอาจทำให้เกิดโรคร่วมเหล่านี้ได้สูงและอาการเกาต์ที่เป็นอยู่แย่ลงได้
- โรคหอบหืด หากกินทุเรียนในปริมาณมาก อาจทำให้ทำเกิดอาการหายใจติดขัดหรือหายใจไม่สะดวก แน่น จุก อาจทำให้อาการหอบกำเริบได้
- โรคกรดไหลย้อน สามารถกินทุเรียนได้ แต่ไม่ควรกินในปริมาณมาก โดยเฉพาะทุเรียนเนื้อห่าม เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง ไม่สบายตัว จนนำไปสู่กรดไหลย้อนได้
อย่างไรก็ตาม ทุเรียนไม่ใช่อาหารต้องห้ามสำหรับผู้ป่วยโรคที่กล่าวข้างต้น ผู้ป่วยยังคงสามารถกินได้ เพียงแต่ต้องจำกัดเรื่องของปริมาณให้น้อยลงกว่าคนทั่วไป ที่สำคัญ ต้องดูด้วยว่าอาการป่วยที่เป็นอยู่นั้นคงที่หรือไม่ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานสามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ ผู้ป่วยโรคไตผลเลือดต่าง ๆ ปกติ เช่นนี้ก็สามารถกินทุเรียนได้ แต่ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อน หรือหากตัดใจไม่กินได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ
คนท้องกินทุเรียนได้ไหม?
คนท้องสามารถทานทุเรียนได้ แต่เป็นการควบคุมปริมาณเช่นเดียวกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะด้วยพลังงานสูงอาจทำให้น้ำหนักตัวขึ้น ที่สำคัญอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และโรคความดันโลหิตสูงได้ แต่หากกินในปริมาณที่ถูกต้องก็จะสามารถช่วยบำรุงสุขภาพได้ ดังนั้น ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนกินทุเรียน โดยเฉพาะคนท้องที่ไม่เคยกินทุเรียนมาก่อน อาจก่อให้เกิดอาการแพ้จนเกิดอันตรายได้
เป็นประจำเดือนกินทุเรียนได้ไหม?
เป็นประจำเดือนสามารถกินทุเรียนได้ ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน หงุดหงิดง่าย น้ำหนักขึ้นง่าย ตัวบวม เป็นสิว หรือที่เรียกว่าอาการเหล่านี้ว่า อาการ PMS
มารู้จักกับ “อาหารลดความดัน” แบบ DASH Diet กินทุกวัน ความดันลด แบบไม่ต้องพึ่งยา!How to กินทุเรียนอย่างไรให้ปลอดภัย แถมส่งผลดีต่อร่างกาย
หลังจากที่ทราบไปแล้วว่า ทุเรียนห้ามกับกับอะไร หรือเป็นโรคประจำตัวกินทุเรียนได้หรือไม่ หลาย ๆ คนอาจจะกลัวหรือคิดไปว่าทุเรียนเป็นผลไม้อันตราย แต่ความจริงแล้วนั้น ทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมาย ที่หากกินอย่างถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากช่วยบำรุงสุขภาพ มาดูกันดีกว่าว่า เราควรกินทุเรียนอย่างไรให้สุขภาพดีและไม่อ้วนกันค่ะ
- เลือกเนื้อทุเรียนที่พอดี : ควรเลือกแบบกึ่งห่าม ไม่สุกงอมเกินไป เพราะยิ่งหวานมาก น้ำตาลก็ยิ่งเยอะ
- จำกัดปริมาณ : ไม่ควรกินเกิน 2 เม็ด (ขนาดกลาง) หรือ 1 พูต่อวัน และไม่ควรกินเกิน 3 วันต่ออาทิตย์หรือกินติดกันทุกมื้ออาหาร
- กินให้ถูกเวลา : กินในช่วงเช้าในปริมาณน้อย ๆ จะช่วยเป็นยาระบายอ่อน ๆ กินในช่วงกลางวันจะทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น และควรงดกินก่อนนอน เพราะจะทำให้ท้องอืด หายใจไม่สะดวก และอ้วนง่าย
- ดื่มน้ำเปล่าตามมาก ๆ : เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน อาจก่อให้เกิดอาการ้อนในได้ จึงควรกินน้ำเปล่าเยอะ ๆ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย
- ออกกำลังกายด้วย : ทุเรียนเป็นอาหารที่มีพลังงานและน้ำตาลสูง จึงควรออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญ พลังงานและน้ำตาลส่วนเกินออก นอกจากจะทำให้ไม่อ้วนแล้ว ยังสุขภาพดีอีกด้วย
สรุป
ทุเรียนห้ามกินกับอะไร เป็นเรื่องที่ควรรู้ก่อนกินทุเรียน เพราะหากเผลอกินคู่กันไป อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่อย่างไรก็ตาม ทุเรียนไม่ใช่อาหารต้องห้าม ยังสามารถกินได้ แต่ควรกินอย่างถูกต้อง เพราะนอกจากจะทำให้ปลอดภัยไม่เกิดอันตรายแล้ว ยังช่วยบำรุงให้สุขภาพดีอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสารวาไรตี้เพื่อสุขภาพ@RAAM มหาวิทยาลัยมหิดล
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทุเรียนกับความเชื่อที่อาจเป็นเพียงความเข้าใจผิด
หญิงตั้งท้อง กินทุเรียนจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ไหม
เป็นโรคไต..ทำไมห้ามกินทุเรียน ?